วันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556

21-23 กพ 57 ฮ่องกง มาเก๊า ไปชิวกัน

การเดินทางไม่สิ้นสุด ทริปแบกเป้ตามใจฉัน สไตล์ดอกไม้ทะเลทราย 
21-23 กพ 57 นี้ ฮ่องกง - มาเก๊า ตามประสาคนมีเวลาน้อย และงบประมาณจำกัด 
ทริปนี้เราเลือกใช้บริการของ สายการบินเอมิเรสต์ สายการบินที่ได้ชื่อว่าดีและยอดเยี่ยมที่สุดในโลก กับราคาโปรโมชั่น ที่ตอนนี้ขยับไปเรื่อยๆ อยูที่ 7060 บาทแล้ว เพื่อนๆ นักเดินทางท่านใดสนใจ รีบตีตั๋วกันหน่อยนะคะ แล้วเราจะออกไปผจญภัยด้วยกัน.............
ใครจะไป ยกมือฉายไฟได้เรยค่ะ 
เช็คราคาได้ที่ 
http://promotion.galileodirect.com/search.aspx?Lang=TH&CodeOri=BKK&CodeDes=HKG&NameOri=Bangkok&NameDes=Hongkong+Hongkong&airline=EK&DateFromTo=01-07-2012-30-12-2013&Group=SMALL&rbdclass=Eco%28L%29&OWRT=RT&Com=tgt&LangDef=TH&Price=8000&AgentID&FareLeavel&Student=N&IdOD=277537&CPrice=7000
/>



รีบๆกันหน่อยนะคะ เพราะที่นั่งราคาโปรโมชั่นมีที่นั่งจำกัด ตั้งงบไว้ที่ 12000-15000 แบบรวมตั๋วค่ะ ไปกันเองแบบประหยัด

ปล. ใครจะเปลี่ยนวันเวลาเดินทางได้นะคะ หลังจากจองแล้ว มีค่าธรรมเนียมการเปลี่ยนอยู่ที่  1000  บาท  โดยคิดเพิ่มราคาโดยสารหากวันที่เปลี่ยนมีราคาสูงขึ้น จะต้องจ่ายส่วนต่างเพิ่มด้วยจ้าา



สมาชิก ตีตั๋วคอนเฟิร์มเพิ่มมาอีก 4 ท่าน ได้แก่
1 พี่เอ๋ แดนใต้ปัตตานี +เพื่อน
2  น้องไบค์ หนุ่มน้อยเมืองเพชร
3  พี่เอ๋ + แฟน  มากันไกลจาก มอลต้า  เลยมีโอกาศได้แจมทริปกัน
แต่พี่เอ๋ แดนใต้จะล่วงหน้าไปก่อน 2 วัน  อิอิอิ  เพราะเรามีเวลาแค่ 2 วันเต็ม กับ 1 เย็นๆ 
ที่คงจะได้ไปเดินที่อ่าววิคตอเรีย ยามค่ำคืนกัน  ในวันที่ 21 ทันทีที่ไปถึง 

วางแผนแบบเบาๆ  ตามประสาคนอยากไป อาจจะไม่ครบถ้วนกระบวนความ
แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายอะไร  แต่ก้อยอมรับเวลาเราน้อยๆ จริงๆแหละ  ฮือๆๆ
แผนด้งนี้ 
เนื่องจากราคาห้องพักที่มาเก๊าสูงมาก ถึงมากที่สุด เกินที่ทริปประหยัดอย่างเราจะทานทน
จึงต้องนอนฮ่องกงทั้ง 2 คืน  แล้วใช้เวลาไปเช้าเย็นกลับที่มาเก๊าแทน  
เพราะราคาเฟอรี่ ฮ่องกง มาเก๊า ไปกลับก็เกือบ 2 พันแล้วสำหรับที่นั่งชั้นประหยัดโดยใช้เวลาประมาณ  50  นาทีสำหรับเฟอรรี่

นี่เป็นตารางเวลาและราคาของ Turbo Jet 
สามารถเช็คราคาได้จาก
  http://www.turbojet.com.hk/en/routing-sailing-schedule/hong-kong-macau/sailing-schedule-fares.aspx

และอีก 1 ค่าย  ของ  Cotai Water Jet Ferry Service 
ดูแล้วราคาสูงกว่านิดๆ   เช็คราคาได้ที่
http://www.cotaijet.com.mo/sailing-schedule

แต่ว่าราคาจะแตกต่างกันไปในช่วงวันธรรมดาและวันหยุด

แผนการเดินทาง  
21  เช้าพร้อมกันที่ สุวรรณภูมิ   เช็คอิน บินบ่ายถึงเย็น
-เย็น 6โมงถึงฮ่องกง เข้าที่พักเช็คอินในย่าน  จิมซาจุ่ย
- เดินไปชมทิวทัศน์ยามค่ำคืน ณ อ่าววิคตอเรีย
22  เช้า นั่งเรือข้ามไปยังมาเก๊า  ไปโบสถ์เซนต์ปอล
-  ไปเซนาโด้ ไปชมเรือกอนโดล่า และรอบๆ บริเวณที่นั่น
ตามแต่เวลาจะเอื้ออำนวย
-เย็น  นั่งเฟอรี่กลับเกาะฮ่องกง  ไปเดินช๊อปปิ้งและพักผ่อน
23 เช้า  เที่ยวฮ่องกง จนเย็๋น (แผนมาทีหลังว่าจะไปใหนบ้าง)
เย็นกลับไปสนามบิน  บินกลับไทย ถึงประมาณ เที่ยงคืน แยกย้าย
เพราะวันจันทร์ รีบกลับมาทำงานจ้าาาาา


หลังจากนั่งรถบัสจากพิดโลก ไปถึงตอนตี 5 ลงสนามบินดอนเมือง
แล้วรอต่อรถชัตเติ้ลบัสไปสนามบินสุวรรณภูมิ  เรารอไปรถเที่ยว 7 โมงเช้า 
จากดอนเมือง   ขึ้นรถฟรีได้ที่ชั้น G  ประตู  5   แต่ตอนเราไป ปิดประตู 5 ก็เดิน
ไปที่ประตู 6   ยื่นใบจองตั๋วให้พนักงาน แล้วรอขึ้นรถ  ใช้เวลาจากดอนเมือง
ไปสุวรรณภูมิประมาณ  1 ชม  รถไม่แวะที่ไหนข้างทางนะคะ ยิงยาวเท่านั้น
ไปถึงแล้ว ก็รอเช็คอินประมาณ 5 โมงเช้า เพราะเราบินรอบ บ่าย 13.55  น






 ชอบชุดเขาจริงๆ นะ  กับเอมิเรสต์ อิอิอิ  บอกน้องว่า พี่ขอถ่ายรูปหน่อยนะคะ 
ชุดสวยจัง  น้องยิ้มอายๆๆ  แต่เราก็แอบถ่ายมา




ได้ตั๋วมาแล้ว  ทริปนี้มีน้องไบค์ สมาชิกจากอินเตอร์เนต มาร่วมเดินทาง
ไปด้วยกัน  มี อีก 2 กลุ่ม ที่จะจอยทริปกันแต่ล่วงหน้าไปก่อนเราแล้ว 1 วัน 
 แต่ทริปนี้เมื่อสมาชิกเรามาถึง เช็คอินแล้ว  ก็ไปรอขึ้นเครื่องกันค่ะ 



สนามบินสุวรรณภูมิ เราไปรอขึ้นเครื่องที่ประตูเกทของเอมิเรสต์ สำหรับฮ่องกง


สภาพที่นั่งภายในเครื่อง  ชั้นประหยัด  มีที่นั่งแถวละ 3 ที่  



แต่เราสองคนได้ที่นั่งตรงทางออกฉุกเฉิน ซึ่งมี 2 ที่นั่งพอดี  เหยียดขากันได้สบายๆ 
เพราะน้องไบค์ ยาวมากๆๆ   555555  ขาค่ะขา  อย่าเข้าใจผิด



ก่อนเครื่องจะเทคออฟ  ก็ขอประชันความสวยกับสาวเอมิเรสต์หน่อย



คงไม่ต้องบอกใช่ไม้คะ ว่าใครสวยกว่ากัน หุหุหุหุหุ



ได้ที่นั่งแล้วบนเครื่อง ไม่นานอาหารก็ถูกยกมาเสริฟ์ สายการบินเอมิเรสต์ เป็นอาหารฮาราล
สำหรับชาวมุสลิมสามารถทานได้อย่างสบายใจ มีให้เลือกหลัก ๆ คือ ไก่กับปลา  
รสชาตโดยรวม ถือว่าผ่านค่ะ  


ระหว่างนั้นพนักงานจะมาแจกใบเข้าเมืองให้กรอก 1 ชุด มี 2 แผ่นแบบก๊อปปี้นะคะ
ใบแรกเขาจะดึงไป  ใบก๊อป ก็จะเก็บไว้สำหรับขากลับค่ะ  



เมื่อถึงสนามบินแล้ว จะต้องต่อรถไฟไปยังอีกเทอมินัลนึงเพื่อรับกระเป๋าและผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง
สามารถขึ้นรถไฟไปได้เลย  ถ้าไม่ทันก็รอรอบถัดไป มาเร็วเคลมเร็วค่ะ ไม่ต้องห่วง



เมื่อผ่านจุดตรวจคนเข้าเมืองแล้วเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบ แล้วปริ้นท์ใบเล็กๆ แบบนี้มาให้ค่ะ 
เพราะไม่มีการปั๊มตราบนพาสปอร์ตอีกแล้ว สำหรับฮ่องกง  แต่จะให้ใบแบบนี้มาแทน 
ระหว่างทางลงจากเครื่องอาจจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาขอตรวจดูพาสปอร์ตบ้างไรบ้างนะคะ 


ผ่านทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เราก็หาทางเข้าเมืองกันต่อ เป้าหมายของเราคือไปย่านที่พัก
ในย่านจิมซาจุ่ยก่อนด้วยการขึ้นรถเมล์เพราะประหยัดกว่าไปแบบอื่นๆ  



ก่อนอื่นก็หาซื้อบัตร Optipus ก่อนมองหาเคาน์เตอร์แบบนี้ก่อนออกจากสนามบินนะคะ 


เจอแล้วก็ไปยืนเข้าคิว ระหว่างนั้นจะมีเจ้าหน้าที่มาถามว่าต้องการจะซื้อบัตรอะไร 
เพราะตรงนี้สามารถซื้อได้ทั้งตั๋วรถไฟใต้ดิน และบัตร Optipus ค่ะ  
เราเลือกบัตร Optipus  เพราะว่าเราอยู่ไม่กี่วัน และใช้รถไฟ รถเมล์ไม่มาก  
บัตรราคา  150 HKD   ใช้ได้ 100  เป็นค่ามัดจำบัตร  50   สามารถเติมมูลค่าบัตร
ได้ที่  7  11  หรือ ตามเคาน์เตอร์เมโทรรถไฟได้ที่ทุกสถานี   ก่อนกลับก็สามารถนำ
บัตรมาคืนได้ที่เคาน์เตอร์ในสนามบิน  จากจำนวนมุลค่าที่เหลือ  แต่เขาจะหักไป 9 HKD 
เป็นเงินกินเปล่า  เป็นเงินไทย ก็ไม่มากนะคะ   40-50  บาท  ถือว่าโอเค เพราะสะดวก


มองหา ป้ายแบบนี้ในสนามบินแหละค่ะ


ได้มาแล้วค่ะ  บัตร OPTIPUS หน้าตาแบบนี้ งั้นรีบเข้าเมืองดีกว่าค่ะ 


จากนั้นก็เดินไปตามทาง  เขาจะม่ป้ายบอกไปเรื่อยๆ เพื่อไปยังสถานีรถบัส


หรือถ้าใครไม่ใช้บัตร OPTIPUS  ก็สามารถซื้อตั๋วได้ตรงนี้ด้วยเงินสด

บอร์ดนี้สำหรับเช็คว่า เราจะไปไหนด้วยรถสายอะไร  
แต่ที่พักของเราอยู่ในย่านจิมซาจุ่ย   ต้องใช้บริการ  รถเมล์ สาย 21 A
ราคา  33  HKD  เกทขึ้นรถจะอยู่ทางด้านขวามือ


เดินมาสักหน่อย จะเห็นป้ายรถเมล์บอกสายรถชัดเจน  ก็ไปยืนรอคิวขึ้นรถได้เลยค่ะ 
แต่คิวยาวมากนะคะ สำหรับสายนี้  ถ้าใครพอจะมีสตางค์หน่อย อาจจะขึ้นรถไฟเอ๊กซ์เพรส
เข้าเมืองได้เลยค่ะ ใช้เวลาแค่ 40  นาทีก็สามารถไปลง สถานี้ฮ่องกง ได้เลย ชิวๆ 
แต่ราคาเอิ่ม  อิอิอิอิ   นิดส์นึง



รถมาแล้ว รอคิวขึ้นได้คันที่ 2  คนเยอะมากๆค่ะ  เราเลือกนั่งชั้นบนเลย หน้าสุด
เพราะอยากเห็นวิวฮ่องกงแบบเต็มตาหน่อย


ระหว่างนี้ผู้โดยสารกำลังทยอยขึ้นมา


มองลงไปข้างล่าง เป็นไงละ แถวยาวเป็นกิโลเลย  ไม่ต้องห่วงว่าจะแซงคิวกันนะคะ
เพราะเขาจะมีที่กั้นให้คนยืนรอเป็นระบบเลยแหละ


ปล .  ก่อนขึ้นรถ เราจะขึ้นประตูหน้า พร้อมเอาบัตร OPTIPUS ทาบลงไป
ที่ตรงคนขับเขาจะมีแท่นเล็กๆ วางอยู่  ทาบไปแล้ว ถ้าผ่านมันจะขึ้นสีเขียว พร้อม
โชว์ยอดเงินใช้ไป กับคงเหลือด้วย  ถ้าไม่ผ่านจะมีสีแดง  เท่านั้นแหละ  คนขับ
จะตาเขียวใส่เราทันที อิอิอิอิ   ขึ้นประตูหน้า ลงประตูกลางนะคะ  


รถออกแล้ว  ก็ค่ำพอดีเลย  คาดว่าทั้งหมดจากสนามบิน เราใช้เวลาเกือบ 2 ชม ทีเดียว
กว่าจะไปถึงย่านที่พัก


เรานั่งไปเรื่อยๆ ในรถบนหัวเรา จะมีป้ายไฟ บอกทางและป้ายที่จะจอด
เป็นระยะๆ   จุดหมายของเราคือไปลงป้ายที่ 14  เพื่อไปลงยังตึก จุนคิง 
ตึกที่พักที่อยู่ใจกลางแหล่งเลย ติดกับห้าง ซาซ่า ด้วยแหละ  
โรงแรมที่เราเลือก คือ       Ashoka Hostel อยู่ที่ Chung King Mansion
หรือจะจองล่วงหน้า ก็ได้ที่   http://www.booking.com/hotel/hk/ashoka-hostel.th.html?sid=7b966d4bcbebefb5fa793de9e6a367fb;dcid=1



ระหว่างนั้นก็ชมวิวไปเรื่อยๆ


คนเริ่มเยอะขึ้น  


ถึงป้ายที่  14  เราก็ลง  แล้วเดินย้อนกลับไปหน่อยนึง  หรือจะลง ป้าย 13  แล้วเดินขึ้นมาก็ได้
สังเกตุได้ง่ายๆ  จากป้าย 13  ตึกจะอยู่ข้่างห้าง SaSa เลย  หรือถ้าเห็นแขกเยอะๆ  ยืนกันข้างหน้า
นั่นแหละ ใช่เลย  จุนคิง แมนชั่น  อิอิอิ  สำหรับใครที่ไม่ได้จองมา จะมาจั่วที่พักเอาตรงนี้ก็ได้
หลากหลายราคาให้เลือก  เพราะตึกเดียวมีเป็น 10 โรงแรมเลยค่ะ   


มาถึงก็ประมาณ  2 ทุ่มกว่าแล้วค่ะ  อดดูซิมโฟนี่ ออฟไลฟ์ เลย  
เพราะไฟจะเล่นแสดงตอน 2 ทุ่ม ที่อ่าววิคตอเรีย  แต่เราคงไม่ทัน


ที่ัพักเราอยู่ชั้น  13  เป็นห้องรวม 3 เตียง  ห้องน้ำรวม  ราคาประมาณ 800++
ไม่มีน้ำดื่ม ไม่มีอาหารเช้า มีแต่ไวไฟ วิวของห้องนี้จะตรงกับหน้าถนนพอดี  อิอิอิ  
เหงาๆ ชะโงกลงไปมองก็ เก๋ ดีนะ  ห้องนอนมีแอร์นะคะ  
วันนี้เราพักกับน้องไบค์ แล้วก็สาวญี่ปุ่นค่ะ  อิอิอิ

เก็บข้าวของกันไว้เสร็จแล้ว ก็ไปอ่าววิคตอเรียกันดีกว่า เดินลงลิฟต์มาข้างหน้าถนน
หันไปทางขวาแล้วเดินไปอ่าวกันดีกว่า


เดินไปเรื่อยๆ จะมีป้ายบอกอยู่ เดินไปแล้วข้ามถนนไป 1 ช่วงตึก แล้วไปเลี้ยวขวา
จะม่ป้ายบอกไป West Station  Thim sa  jui   ก็เลี้ยวขวาไปทางนั้น  


เดินไปเรื่อยๆ  จะมีทางลอดลงไปใต้ดินเพื่อข้ามไปอีกฝั่ง  เราก็เดินลอดข้ามไป




โผล่ข้ามไปอีกฝั่ง  ขึ้นมาแล้วก็เดินมุ่งหน้าไปเรื่อยๆ สักพักนึงจะไปเจอมุมนี้เลย เย้ๆๆๆ


เดินไปเรื่อยๆ  ชมวิวอ่าววิคตอเรีย ยามค่ำคืน   เราเลือกมาทางนี้ก่อนเพราะจะได้เดินเป็นวงกลม
ตอนกลับจะได้ไปสิ้นสุดตรง อเวนิวออฟสตาร์ แล้วกลับโรงแรมได้เลย


ลมแรง หนาวพอสมควร  กับอากาศประมาณ 14 องศา ยามค่ำคืน


ระหว่างทางที่เดินไป จะมีป้ายรูปมือ รูปเท้า ประทับบนพื้นทางเดินเป็นระยะๆ


เป็นรอยประทับของคนดังต่างๆ





รวมทั้ง บรู้ซ ลี  พระเอกตลอดกาล


ไม่รู้ว่ารูปปั้นหรือคน จะเท่ห์กว่ากันนะคะ





มีร้านขายปลาหมึกปิ้งด้วย อิอิอิ



มีโชว์โอเปร่าจีนด้วย  


เดินมาจนสุดทาง จะเห็นว่าฉากด้านหลังของเรา นั้นคือทางที่เราเดินมาจาก
โรงแรมตอนแรก  แต่เราเดินไปตั้งต้นทางขวาก่อนเพื่อที่จะได้กลับมาตรงนี้ ไม่ต้องเดินไปเดินมา




ย่านจินซาจุ่ย จะเชื่อมติดกับถนนนาธาน ถนนช๊อปปิ้ง ทั้งของกิน ของใช้
เราเดินกันจนเหนื่อย งั้นไปหาอะไรกินดีกว่า  เดี๋ยวนอนไม่หลับ อิอิ


เอ๊ะ ป้ายนี้ตัวเลขเยอะแยะ ไม่รู้เขาเอาไว้ทำไมนะ  ขอถ่ายรูปมาหน่อยซิ


เนื่องจากเวลาดึกแล้ว ร้านส่วนใหญ่เริ่มปิดตัวลง  เราพบร้านอาหารร้านนึง ดูแล้วสะอาด  
มีอาหารให้เลือกหลายอย่าง  เข้าไปเสี่ยงดวงดูดีกว่า


เมนูอาหารร้านนี้จะมีภาษาอังกฤษกำกับให้ด้วยพร้อมราคา  
ดูภาพแล้วชี้ๆ เอาก็ได้ค่ะ  แต่ราคาอาหารที่นี่ก็สูงนิดนึง


สั่งแล้วจะมีบิลมาทันที  เก็บไว้เช็คบิลตอนทานเสร็จแล้วเดินไปจ่ายที่เคาน์เตอร์


ไม่รุ้จะสั่งอะไรก็สั่งมาทานกันไป  ชุดนึงประมาณ 46  KHD คุณ 5 ปนะมาณ 230  บาทไทย
แต่อาหารเขาก็จานใหญ่พอสมควร  พวกอาหารปะเภทข้าวจะแพงกว่าประเภทน้ำเช่นก๋วยเตี๋ยว


กินล่ะน้าาาา  ........ อ้ำ อร่อย  อิอิอิ

















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น