วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เยือนถิ่นเมียวดี ผจญภัยลำน้ำเข็ก 23-24 สค 57 ภาคที่ 3

แบกเป้ตามใจฉัน สไตล์ดอกไม้ทะเลทราย
ผจญภัยลำน้ำเข็ก ภาคที่  3



23-24 สค 57 ทริป เมียววดี- ล่องแก่งลำน้ำเข็ก 
 ผจญภัยลำน้ำเข็กสุดมันส์นะคะ ระยะทาง 8 กม กับเกาะแก่ง ตั้งแต ระดับ 1 ถึงระดับ 5 
แบกเป้ตามใจฉัน สไตล์ดอกไม้ทะเลทราย เปิดโอกาสให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ
มาร่วมสนุกและผจญภัยกันค่ะ ทริปนี้เอาฮา ไปกันแบบเพื่อนฝูงนะคะ

ทริป เมียวดี-ลำน้ำเข็ก 23-24 สค เที่ยวพม่าในวันเดียว แบบขำขำ แบบไปเช้าเย็นกลับ 
กับ ทริป ชมวัด และตลาดบุเรงนองที่เมืองเมียวดี กลับมา ล่องแก่งที่ลำน้ำเข็ก สุดชีวิต
ท่านละ 1590 ไม่รวมค่าอาหาร เริ่มต้นที่พิษณุโลก

ศุกร์ เที่ยงคืนเป็นต้นไปไม่เกินตี 5 พบกันที่ บขส พิดโลก
 พร้อมแล้วออกเดินทางไป -กลับ จ ตาก อ แม่สอด ด้วยรถตู้วีไอพี

เช้าเสาร์ ด่านแม่สอด หลังจากทำใบผ่านแดน โดยใช้เพียงบัตรประชาชน
 ต่อรถตู้ข้ามไปเมียวดี ประเทศพม่า เที่ยว 3-5 วัด + ตลาดบุเรงนอง
 และแวะชมเลือกซื้อสินค้าตลาดริมเมย ที่ อ แม่สอด บริเวณ สะพานมิตรภาพไทย-พม่า 
แวะนมัสการศาลเจ้าพ่อพะวอ และชมสินค้าตลาดดอยมูเซอ จ.ตาก เย็นกลับ 
นอนพิษณุโลก 1 คืน (ห้องพักรวมในราคาทริปแล้ว)
ปล.วัดเจ้าโหล่งจี (วัดก้อนหินใหญ่) วัดมิเจากง (วัดจระเข้) วัดส่วยมินวุ่น (วัดเจดีย์ทอง) 
และที่อื่นๆ ตามแต่เวลาจะอำนวย
ช่วงเย็นในพิดโลก เดินเล่นถนนคนเดิน หาอะไรอร่อยๆ ทานกัน

เช้าอาทิตย์ เช็คเอ้าท์จากโรงแรม ไปล่องแก่งลำน้ำเข็ก
 ใช้เวลาประมาณ 2 ชม 
บ่าย แยกย้ายกันกลับภูมิลำเนา

อัตราราคาท่านละ 1590 รวม

ห้องพักที่พิษณุโลก 1 คืน
รถตู้นำเที่ยวเมียววดี + ใบผ่านแดน (ใช้บัตรประชาชนตัวจริง)
เรือยางล่องแก่ง+ประกันชีวิต
รถรับ-ส่ง พิษณุโลก แม่สอด และรถรับ-ส่ง ระหว่างล่องแก่งและตัวเมืองพิษณุโลก

ไม่รวมอาหาร น้ำดื่ม ราคานี้เริ่มต้นที่ บขส .พิษณุโลกค่ะ
พร้อมแล้วยกมือฉายไฟ โอนมัดจำท่านละ 590 ค่ะ

 มัดจำไม่คืนนะคะนอกจากจะมีคนมาแทน


โอนได้ที่ ธนาคารกรุงไทย

นางสาวศกุนตลา พลโยธา 601-074-9484




รายชื่อคันที่ 1 

อัพเดตรายชื่อผู้ร่วมทริปนะคะ 10 ที่นั่ง ปิดรับจ้าาา

1 ดอกไม้ทะเลทราย (กวาง)       2 คุณน้อง 

3 น้องบู                                   4 น้องนุ่ม

5 น้องพรรณ                             6 พี่ตุ้ก

7 พี่ล้าน                                   8 นำ้มิ้ม

9 พี่เจน  2                               10  พี่เจน 2





รายชื่อคันที่  2 
1 น้องไบค์                            2 พี่เติ้ล

3 น้องแบน                           4 น้องเจียว    

5  กุ้ง                                   6 น้องทราย 1                      
7น้องทราย 2  



เสาร์ที่  23  สค 57   ตี 5
หลังจากที่สมาชิกต่างทยอยเดินทางกันมายังจัดนักพบที่ บขสใหม่ จังหวัดพิษณุโลก สี่แยกอินโดจีน
รถก็มารับสมาชิกเพื่อเดินทางมุ่งหน้าไปยัง จังหวัดตาก  ซึ่งอยู่ห่างจากจังหวัดพิษณุโลก  135  กิโลเมตร
โดยใช้ระยะเวลาโดยรถตู้ ประมาณ 2 ชม    เราไปถึงกันแต่เช้า  พาสมาชิกแวะจุดแรกคือ  

ศาลสมเด็จพระเจ้าตาก ตั้งอยู่ที่ถนนจรดวิถีถ่อง แต่เดิมศาลนี้ตั้งอยู่ที่วัดดอยเขาแก้วฝั่งตรงข้ามกับตัวเมืองตาก   ปัจจุบันศาลถูกบูรณะปรับปรุงให้ใหญ่โตสวยงามขึ้นมากกว่าแต่ก่อน   โดยในศาลจะมีพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชขนาดใหญ่กว่าองค์จริงเล็กน้อย ในพระอิริยาบถที่กำลังประทับอยู่บนราชอาสน์ มีพระแสงดาบพาดอยู่ที่พระเพลา  ดูน่าเกรงขามและน่าเคารพมากค่ะ 






สมาชิกต่างบูชาดอกไม้ธูปเทียนสักการะปู่ตากเพื่อความเป็นศิริมงคล


ขอพรกันตามอัธยาศัย


บางคนดูตั้งใจมากๆ  อิอิอิอิ








จากนั้นเราก็มุ่งหน้าสู่อำเภอแม่สอดกันเลยค่ะ  

 แม่สอด เป็นอำเภอหนึ่งทางตอนกลางของจังหวัดตาก อยู่ห่างจากอำเภอเมืองตาก 86 กิโลเมตร
เป็นอำเภอที่มีการค้าระหว่างประเทศไทยกับสหภาพเมียนมาร์ เนื่องจากเป็นอำเภอที่อยู่ติดชายแดน 
สามารถเดินทางข้ามสะพานมิตรภาพไทย-พม่า เพื่อไปเยือนดินแดนเพื่อนบ้านอย่างสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ด้วยการไปทัวร์เชิงวัฒนธรรมไหว้พระขอพระวัดที่มีเรื่องราวและความงดงาม 
รวมถึงชมวิถีชีวิตของชาวบ้านในฝั่งพม่าที่ด่านชายแดนเมืองเมียวดีกันได้ด้วย
เราใช้เวลาประมาณ 1 ชม ก็มาถึงชายแดนแม่สอด  ก่อนถึงประตูผ่านแดน  จะมีอาคารอยู่ด้านซ้ายมือ
เป็นสำนักงานทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราวโดยเราก็ต้องแวะขอก่อนที่นี่  


โดยการขอเราจะใช้เพียงบัตรประชาชนใบเดียวเพราะที่นี่จะเน้นการเดินทาง
แบบไปเช้า -  เย็นกลับโดยมีค่าธรรมเนียมจากฝั่งไทยตรงนี้  30  บาท


ยื่นบัตรประชาชนแล้วก็รอเจ้าหน้าทีกรอกรายละเอียดพร้อมกับจ่ายเงิน


เมื่อเสร็จแล้วก็จะได้เอกสารประจำตัวมากันเป็นแบบนี้



ทีนี้หลังจากได้บัตรผ่านแดนกันแล้ว  ขออธิบายกันสักนิด ถึงการเดินทางข้ามไป
เพื่อเยี่ยมชมวัดวาอาราม บ้านเรื่อน และวีถีความเป็นอยู่ของชาวพม่าค่ะ  
โดยการเดินทางจากแดนฝั่งไทย  มีดังนี้ค่ะ  
ปล. การทำใบผ่านแดน ต้องทำทั้งที่ฝั่งไทย และฝั่งพม่านะคะ  

1   การเดินข้ามไปแล้วไปจ้างรถรับจ้างที่ฝั่งพม่าได้  ราคาตามแต่ตกลง โดยอาจจะมีไกด์
หรือไม่มีไกด์ก็ได้  และส่วนมากคนรถทางฝั่งพม่าพูดไทยได้ค่ะ  โดยราคาอาจจะเป็นแบบ
สามล้อนั่งได้ 4-5  คน  ราคา  800-1000   บาท  แต่ต้องตกลงกันดีๆนะคะ  

2  โดยการนำรถข้ามไปเอง แต่วิธีนี้ค่อนข้างยุ่งยากค่ะ เพราะต้องทำใบผ่านแดนให้รถเราเอง
ด้วย  จากฝั่งไทย 600  ฝั่งพม่าอีก 600  รวมแล้วก็ประมาณ 1200  บาท  แล้วต้องรู้เส้นทาง
ในการขับพาไปยังที่ต่างๆ เองด้วย  เพราะวัดวาอารามที่น่าสนใจจะมีอยู่ประมาณ  5-6  วัด
และตลาดบุเรงนองที่ขายทั้งของกินและของใช้  ที่ไม่ได้แตกต่างจากไทยเลย

3   โดยการเหมารถนำเที่ยวจากฝั่งไทย  วิธีนี้จะสะดวกที่สุดเพราะ เหมาคันละ  1000  บาท
โดยถ้าเป็นรถตู้ก็นั่งได้ 10-12  คน   หรือรถโดยสารแบบกระบะ  นั่งได้  10-15 คน  โดยคนขับ
จะรับใบผ่านแดนจากเราไปทำผ่านด่านให้ที่ฝั่งพม่าด้วยเสร็จสรรพเลยค่ะ  และจะมี คชจ. ในการ
ข้ามพรมแดนอีกท่านละ  30  บาท คนละส่วนจากฝั่งไทยนะคะ   จ่ายสองรอบ
เมื่อเหมารถแล้วคนขับที่รู้เส้นทางดีอยู่แล้ว ก็จะขับนำพวกเราข้ามไปแล้วทำการข้ามพรมแดน
แล้วจึงขับพาไปยังจุดเข้าชมที่น่าสนใจต่างๆ  โดยมากจะเป็นวัดค่ะ 

โดยหากท่านใดสนใจสามารถโทรติดต่อสอบถามได้ตามเบอร์โทรในภาพเลยค่ะ  


และในอาคารทำใบผ่านแดนฝั่งไทย ก็จะมีโต๊ะบริการรถตู้นำเที่ยวด้่วยค่ะ  เราจึงใช้บริการ
แต่รถตู้เหลือเพียงคันเดียว จึงต้องเหมารถสองแถวอีก 1 คันค่ะ  โดยรถตู้จะมีแอร์ซึ่งคง
จะเย็นตามสภาพรถ  อิอิอิ  และสองแถว แม้จะร้อนหน่อย แต่ก็เห็นวิวรอบๆ ดีนะ 



รถสองแถว อิอิอิ  สาวๆ ชอบกันใหญ่





ถึงจุดผ่านแดนพวกเราก็ต้องลงจากรถ  คนขับรถจะเอาเอกสารไปทำให้อีกทีในระหว่างที่
พวกเราก็ต้องเดินทางจุดตรวจร่างกาย  โดยจะมีพยาบาลและเจ้าหน้าที่เอาเครื่องอะไร
สักอย่างมาส่องที่หัว  พร้อมกับบอกประมาณว่า ไปได้ ผ่านไรงี้



ผ่านจากจุดตรวจนั้นมาก็อ้าว รถหายไปไหน  ยืนรออยู่พัก คนขับรถก็มาตาม ว่า
จอดรถเลยไปอีกนิดเพราะตรงนี้จอดไม่ได้



เราจึงรีบวิ่งไปขึ้นรถกัน  ก่อนที่จะออกจากด่านเพื่อไปยังสถานที่แรกที่เราจะเป็นจุดทัวร์


















เริ่มกันที่ วัดส่วยมินวุ่น (วัดเจดีย์ทอง) หรือชื่อเต็มว่า "เจดีย์ชเวเมียนโหว่นเซตี้" นับเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของเมืองเมียวดี มีอายุเก่าแก่ ภายในประดิษฐานพระมหามุนี พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ จุดเด่นจะอยู่ที่องค์เจดีย์สีทองเหลืองอร่าม เป็นศิลปะมอญ-พม่า สร้างบนฐานสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้ 20 ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 30 เมตร มีความสูงจากฐานถึงยอดฉัตรประมาณ 123 ฟุต 3 นิ้ว ชั้นบนสุดซึ่งประดับด้วยฉัตรมียอดเป็นทองคำประดับด้วยอัญมณีนานาชาติ และฐานชั้นแรกขององค์เจดีย์ประกอบด้วยเจดีย์รายขนาดเล็กจำนวน 28 องค์ ทำให้เจดีย์องค์นี้ไม่มีเงาทอดลงบนพื้นดิน บริเวณรอบ ๆ ยังมีพระพุทธรูปประจำอยู่ทั้ง 4 ทิศ ซึ่งแต่ละด้านเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่ไว้ภายใน พระพุทธรูปแต่ละองค์ล้วนแต่มีพระนามอันเป็นมงคล เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้มาสักการบูชาเป็นสิริมงคล อีกทั้งด้านนอกจะมีสิงโตทั้ง 4 ด้าน ตามความเชื่อที่ว่าสิงโตเหล่านี้จะทำหน้าที่เฝ้าวัด อีกทั้งบริเวณด้านหลังองค์เจดีย์ยังมีพระพุทธรูปที่สร้างจากหวายสุดงดงามประดิษฐานอยู่ด้วย 
เครดิต http://travel.kapook.com/view80401.html

ประตูทางเข้าวัดจะมี 4 ประตูและทุกประตูจะมีซุ้มขายดอกไม้และที่ฝากรองเท้า
บังคับค่าฝากคนละ 2 บาท  อิอิอิ  น่ารักอ่ะ



หรือจะดูดวงก็มีบริการนะ  มีภาษาไทยกำกับอีกตะหากแน่ะ 








พระมหามัยมุุนี























ออกจากวัด สมาชิกต่างก็สงสัยรถคันนี้ ว่าเขาขายอะไร  นอกจากจะเปิดเพลงแรพ กระหึ่ม
แล้วยังมีคนนั่งข้างให้  จึงเดินไปดูกันใกล้ๆ  ที่แท้คือรถขายหวยพม่านะคะ
แนวเชียวแหละ   เปิดเพลงแดนซ์กันกระจายเลย






จากนั้นเราไปกันที่ วัดมิเจากง (วัดจระเข้) วัดนี้มีลักษณะเด่นที่ไม่เหมือนวัดอื่น ๆ ตรงที่มีรูปปั้นจระเข้ขนาดใหญ่ ความยาวของลำตัวตั้งแต่หัวจรดหางยาวถึง 65 เมตร ทาสีเขียวสดใสทั้งตัว กลางตัวจระเข้ได้สร้างเป็นหอไตรกลางน้ำ (หอไตรดังกล่าวนี้จะมีทางเข้าอยู่ด้านหลัง และไม่อนุญาตให้ผู้หญิงเข้าไป) โดยมีเรื่องเล่ากันว่า ในอดีตมีจระเข้จะเข้ามากินเนื้อพระภิกษุสงฆ์ แต่ท่านแสดงธรรมจนจระเข้เห็นธรรมและเลิกกินเนื้อสัตว์ พร้อมกับมักจ้องมองไปทางเจดีย์ชเวเมียนโหว่นเซตี้อยู่เสมอจนสิ้นใจ เนื่องจากอยากไปกราบไหว้แต่ไม่สามารถทำได้ ชาวบ้านจึงช่วยกันสร้างจระเข้ตัวนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นอนุสรณ์ และภายในวัดยังมีหอแสดงพุทธประวัติของพระพุทธเจ้าให้เดินชมกันเพลิน ๆ อ๊ะ ๆ ยังหมดเท่านั้น เพราะที่วัดมีลานกว้างที่บริเวณนั้นจะมีเสาอโศกรูปสิงห์ 4 หัว อยู่บนยอด

เครดิต http://travel.kapook.com/view80401.html.







เขาว่ากันว่าให้หันหลังโยนเหรียญเข้าไปในปากจรเข้  ถ้าโยนได้ 
สิ่งที่คิดไว้จะสำเร็จ  แต่ไม่มีใครโยนเข้า





น้องไบค์ช่างภาพใหญ่ของเรา ปีนขึ้นหลังคาไปถ่ายภาพหมู่มาให้  
เห็นมะการลงทุนช่างคุ้มค่า



วัดเจ้าโหล่งจี (วัดก้อนหินใหญ่) เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนลานหินขนาดใหญ่บนเนินเขา ทำให้มองเห็นยอดเจดีย์สีทองเหลืองอร่ามมาแต่ไกล โดยมีเรื่องเล่ากันมาว่า ในอดีตมีพระพุทธรูปสายธุดงค์ได้มาจำพรรษาอยู่บริเวณวัดนี้ พอตื่นเช้าขึ้นมามีงูเหลือมมาขดอยู่ด้านบนหินที่ท่านจำพรรษาอยู่ ชาวบ้านผ่านมาเห็นจึงเกิดความศรัทธา และนิมนต์ให้ท่านจำพรรษาอยู่ที่นี่จนมรณภาพ อย่างไรก็ตาม คนไทยที่มาเที่ยวเมียวดีนิยมมาไหว้พระธาตุแห่งนี้เพื่อเป็นสิริมงคล หรืออาจจะลองเสี่ยงทายยกหินสีทองลูกกลม ๆ หลักราว 10 กิโลกรัม ที่เป็นของแปลกสำหรับวัดนี้ ซึ่งวิธีเสี่ยงทาย คือ ให้ยกก้อนหินก่อนว่าหนักแต่ไหน จากนั้นให้อธิษฐานแล้วลองยกอีกครั้ง ถ้ารู้สึกว่าเบากว่าครั้งแรกหรือก่อนอธิษฐาน แสดงว่าคำอธิษฐานนั้นจะมีโอกาสเป็นจริง แต่ถ้ารู้สึกว่าหนักกว่าเดิมแสดงว่าคำอธิษฐานนั้นไม่ได้ผล 


และหลังจากนั้นก็ไปอีกประมาณ 2-3 วัน ซึ่งตอนนี้ สมาชิกรู้สึกว่าร้อนแดด
และแต่ละวัดก็ค่อนข้างคล้ายๆ กัน  แล้วยังเงียบเชียบอีกด้วย  จึงผลัดกันลง
ผลัดกันลุกดูกันไปเรื่อยๆ  ไม่ค่อยจะอินกันเท่าไร   ถามไถ่ได้ความว่า
หลายๆ ท่านต่างก็ไป พม่าที่ ย่างกุ้ง มัณฑะเลย์  อินแขวน สิเรียม หงสาวดี
พระนอน พระนั่ง พระอื่นๆ ที่ขึ้นชื่อว่าที่สุดในพม่า หลายๆคนได้ไปเห็นมาแล้ว
เมื่อมายังเมืองเมียวดี จึงมีความรู้สึกว่าไม่แตกต่างจากที่เคยไปมาค่ะ  







เสร็จจากวัดต่างๆ  เราจึงไปแวะยังที่สุดท้ายนั่นคือ ตลาดบุเรงนอง
ศูนย์รวมสินค้า ทั้งเสื้อผ้า สิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะมาจากจีนและไทยเรานี่เอง ด้านหน้าตลาดขายสิ่งของเครื่องใช้ เสื้อผ้าสารพัด ผลไม้ ดอกไม้ ขนมนมเนยต่าง ๆ ส่วนด้านหลังเป็นตลาดสด ขายเนื้อสัตว์และผักนานาชนิด 













แม่ค้าชาวพม่าขายขนม 3 อัน 20  ใส่กล่องเรียบร้อยสวยงาม มีเบอร์โทรแปะอีกตะหาก 
การตัดเป็นขนมเป็นชิ้นๆ ก็ไม่มีไรมาก   ใช้กรรไกรตัดฉับๆ  จิ้มใส่กล่องเลย 


เราขอถ่ายรูปหน่อย นางถึงกะอายกันเลยทีเดียวเชียว   



หรือหลังจากซื้อของเสร็จเดินกลับมาทางด้านหน้าประตู ก็จะมีร้านจิ้มจุ่ม
แบบนั่งยองๆ  จุ่ม เครื่องในหมูจิ้มจุ่ม มีทั้งเนื้อหมูและเครื่องในส่วนต่าง ๆ
 เสียบเป็นไม้เล็ก ๆ ขายในราคา 4 ไม้ 5 บาท




ใช้เวลา  3-4  ชม  เราก็ออกจากด่านมายังฝั่งไทย ก็กลับไปขึ้นรถตู้ของเราที่จอดรออยู่
หาไรทานเป็นอาหารมื้อกลางวันในตัวเมืองแม่สอด ก่อนจะกลับพิษณุโลก
โดยขากลับก็แวะเข้าห้องน้ำและเลือกซื้อของฝาก ผักผลไม้กันที่ตลาดชาวเขาเผ่ามูเซอ

ฟักแม้วยอดอวบๆ  งามๆ น่ากิน


แตงไทย ทิเบต สารพัด รวมทั้งลูกพลับ  องุ่น แคปหมูน้ำพริก 
เรียกได้ว่าแวะตลาดนี้ที่เดียวได้ของกินเพียบ



ฟักแม้วเอาไปต้มจืด  หวานอร่อย มากๆ



หน่อไม้สด  โลละ 20  หัวเบ้อเร่อเลยนะ 



กลับจากดอยมูเซอ  เราก็พาสมาชิกแวะ ถนนคนเดินพิษณุโลกกัน ขำ 
ก่อนจะพาเข้าเช็คอินยังโรงแรม  แล้วนัดทานมื้อเย็นกันแบบเบาๆ 
ประมาฟังกินข้าวฟังเพลง  ที่ร้านเอกเขนก เป็นร้านนั่งชิว ในตัวเมืองพิษณุโลก







อำลาค่ำคืนกันไปที่ร้านเอกเขนกก่อนจะกลับไปพักผ่อน
 เพื่อที่วันพรุ่งนี้จะไปล่องแก่งลำน้ำเข็กกัน


วันอาทิตย์ที่ 24 สค 57    เช้า

สมาชิกตื่นกันตอนเช้า  ต่างทำภารกิจของตัวเอง  หรือใครจะเดินเล่นหาข้าวเช้าทานในบริเวณใกล้เคียงก็ได้  โดยรถจะมารับกันในตอน 9 โมงเช้า   ส่วนตัวเราขอเลือกเป็นข้าวหมกไก่ ร้าน ฟาเคราห์  ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับโรงแรมปริ้นท์เซสกรีนที่เราพักนั่นเอง


แต่ก่อนจะเดินทางไปยังจุดล่องแก่ง ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ  25 กิโลเมตร เราก็พาสมาชิก
ไปไหว้พระพุทธชินราชที่ได้ชื่อว่างามที่สุดในโลกกันก่อนค่ะ  โดยหากสุภาพสตรีท่านใดนุ่งสั้นหรือ
แต่งตัวไม่มิดชิด  ก็จะมีเสื้อกับผ้าถุงให้นุ่งทับก่อนเข้าไปในตัววิหารด้วยค่ะ  










และปล่อยให่สมาชิกใช้เวลาในการเดินเลือกซื้อของฝากประจำจังหวัดพิษณุโลก
เช่นกล้วยตาก  กล้วยอบ  สารพัดกล้วยภายในร้านค้าบริืเวณวัด  แล้วก็ยาวไป
ยังจุดล่องแก่งลำน้ำเข็กกันเลยค่ะ   วันนี้เราเช่าเหมาเรือลำละ  4000  บาท 
นั่งได้ประมาณ  8  คน  โดยประมาณ ถ้าตัวใหญ่กันเยอะก้อ 6-7  คน  ต่อหนึ่งลำ 
โดยสามารถติดต่อช่างภาพให้ถ่ายรูปได้ในราคาลำละ  700  บาท  

โดยความมันส์สะใจก็ดัีงภาพต่อไปนี้เลยค่ะ  วันนี้เราจัดกันไป 2 ลำ   ขำๆ  
กับปริมาณน้ำประมาณ  60 %  ซึ่งเรากำลังดี  มากไปก็ไม่มีแก่ง  มีแต่น้ำแรงๆ 
น้อยไปเรือก็ติดเกาะอีก  ต้องปีน ต้องยก ต้องงัดกันทุลักทุเล  ขนาดนี้
ถือว่าโอเคแล้วนะ  จากนี้จะไม่บรรยายอะไรมากด้วยคำพูดค่ะ  
ดูภาพก็ขอให้นึกถึงความสนุกตามมาได้เลยค่ะ  55555






























บอกได้คำเดียวว่าสะใจค่ะ  การเดินทางไม่สิ้นสุดจริงๆ เหนืออื่นใด
เราต่างก็ได้เพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นด้วย  ความสนุกอยู่ตรงนี้นี่เอง



แบกเป้ตามใจฉัน  สไตล์ดอกไม้ทะเลทราย
ติดตามการเดินทางค้นหาตัวตนได้ที่

เพจดอกไม้ทะเลทราย 
https://www.facebook.com/DxkmiThaleThrayDesertFlower

กฎเหล็กของนักเดินทาง เราพบกันเพื่อจาก แม้จะอาวรณ์สักเพียงใด คงเอ่ยได้เพียงแค่คำลา


แล้วพบกันทริปหน้าค่ะ