วันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556

แบกเป้ผจญภัยสุดขอบฟ้า มุ่งสู่ประตูสวรรค์ 11-14 กค 57


แบกเป้ผจญภัยสุดขอบฟ้า สู่มณฑลหูหนาน
 ฉางซา -จางเจียเจี้ย-หมู่บ้านโบราณเฟิ่งหวง


ตามรอยภาพยนตร์ฮอลลีวูดชื่อดัง Avatar (อวตาร) ของ เจมส์ คาเมรอน ซึ่งใช้ภูเขาในเขต อุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย ประเทศจีน
อุทยานแห่งชาติ จางเจียเจี้ย เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติแห่ง แรกของจีนมาตั้งแต่ปี 1992 ... และยอดเขาประหลาดที่พบเห็นได้ยากมากในธรรมชาติ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลหูหนาน ภายในอุทยานประกอบไปด้วยสถานที่สำคัญๆ หลายแห่ง เช่น
• เขาเทียนจื่อซาน (เขาจักรพรรดิ์) เขตเอี๋ยนเจียเจี้ย มีเนื้อที่ 65 ตารางกิโลเมตร บนยอดเขาเทียนจื่อซานสูงประมาณ 1,250 เมตร ทางด้านทิศตะวันออก ทิศใต้และทิศตะวันตกของเขาเทียนจื่อซาน เต็มไปด้วยชะง่อนผาอันสูงชัน ลำห้วยลึกและป่าหิน มีหินยักษ์ในรูปลักษณะแปลกตา ยืนตระหง่านค้ำฟ้า จุดเด่นของเขาเทียนจื่อซานคือ เทียนเสี้ยตี้อี้เฉียว (สะพานใต้ฟ้าอันดับ 1) มีทิวทัศน์ที่สวยงามและเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์ชื่อดังหลายเรื่อง






ผจญภัยสุดขอบฟ้า นั่งกระเช้าสู่ยอดเขาสูงเสียดเมฆนับพันยอด
 สัมผัสฉากหนังอลังการที่มรดกโลกจางเจียเจี้ย 
ทริปแบกเป้ตามใจฉัน สไตล์ดอกไม้ทะเลทราย กับ  ฉางซา จางเจี่ยเจี้ย 
 ผจญภัยสุดขอบฟ้า 11-14 กค 57 หยุดยาว 4 วัน ไม่ต้องลางาน   สู่ประตูสวรรค์เทียนเหมินซาน  
และอุทยานจางเจียเจี้ย มรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของจีน  

ภูเขาเทียนจื่อซาน หรือภูเขาเจ้าฟ้า สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่อง รวมไปจนถึง
ภาพยนตร์อวตาลที่ผู้คนติดตามไปทั่วโลก ยอดเขาสูงประมาณ 1,250 เมตร จากระดับน้ำทะเล
 เขาเทียนจื่อซานเต็มไปด้วยชะง่อนผาสูงชัน มีลำห้วยลึก และมีป่าหินยักษ์รูปร่างต่างๆ 




ภูเขาเทียนเหมินซาน หรือประตูสวรรค์
 ยอดเขาที่สูงที่สุดประมาณ 1,500 เมตร จากระดับน้ำทะเล อยู่ทางตอนใต้ของ
อุทยานจางเจียเจี้ยในปี ค.ศ. 1999 การไปเที่ยวประตูสวรรค์เทียนเหมินซานต้อง
นั่งกระเช้าที่มีความยาว 7.5 กิโลเมตร ชมความงามของภูผานับร้อยนับพันยอด
และขึ้นสู่ประตูสวรรค์ด้วยการเดินขึ้นบันได 999 ชั้น ถึงช่องเขาประตูสวรรค์



แผนทริปฉางซา อุทยานจางเจี๋ยเจี้ย 3 คืน 4 วัน 11-14 กค 57
ลงที่สนามบินฉางซา แล้วนั่งรถต่อไปยังตัวเมืองฉางซา สถานีรถบัสฝั่งตะวันตก 1 ชม
ต่อรถไปหมู่บ้านโบราณเฟิ่งหวง  นอนค้าง 1 คืน  
อุทยานจางเจี่ยเจี้ย  อูหลิงหยวน ยอดเขาเทียนจื่อซาน  ที่ค่าเข้าแพงเป็นอันดับสามของจีน
 บัตร 245 หยวน ประกันชีวิตอีก 3 หยวน  = 248 หยวน
สามารถใช้ได้สองสามวัน (1400 บาท) ข้างในมีบริการรถรับส่งฟรีไปที่ลิฟต์ขึ้นกระเช้า ค่าขึ้นลิฟต์คนละ 65 หยวน (360 บาท) ลงอีก 65 หยวน (360 บาท)
ลิฟต์แก้ว  ขั้น 72 หยวน ลง 72 หยวน


ห้องพักแบบถูกๆ 80-150 หยวน (400-800 บาท) (ถ้า 3 คืน ประมาณ 1500 บาท )

แผนที่ท่องเที่ยว 5 หยวน

ตั๋วชมการแสดงแสงสีเสียงที่จางเจี๋ยเจี้ย ราคาต่อใบก็จ่ายที่ประมาณ 238 หยวน ที่นั่ง VIP (1190 บาท)

ปล.ที่อุทยานอาจจะนอนค้างก็ได้ เพราะทั้งไปและกลับใช้เวลามากมายอ่ะ ในเดินเท้าไปยังจุดขึ้นลง ลิฟต์

แล้วไปต่อยังประตูสวรรค์เทียนเหมินซาน กับบันได 999 ขั้น เชื่อกันว่าเป็นบันไดไปยังประตูที่เชื่อมต่อ

กับสวรรค์ จากตัวเมืองจางเจี่ยเจี้ย ไปได้ไม่ไกลนั่งรถเมล์ได้มีหลายสายผ่าน (4 ,5, 6, 10)
 แล้วตีตั๋วกระเช้าขึ้นไปประมาณ 40 นาที ราคาประมาณ 258 หยวน (1500) จนถึงจุดเปลี่ยนแล้ว
ต่อรถบัสท้องถิ่นไปยังเทียนเหมินซาน แล้วใครอยากไปให้ถึงประตูสวรรค์ก้อขึ้นบันไดไปโลด


สำหรับทริปสั้นๆ 4 วัน คงไปได้ไม่ไกลกว่านี้แล้วค่ะ คชจ หลักๆ คงเป็นค่าเข้า ค่ากระเช้า

 ที่ราคาจัดว่าค่อนข้างสูง ค่ารถเมล์ 1-2 หยวน ตลอดสาย ค่ากิน มื้อละ 10-20 หยวน
 ค่ารถไปกลับสนามบินฉางซา  60 หยวน  จากฉางซาไปหมู่บ้านโบราณเฟิ่งหวง 150.50 หยวน  จากเฟิ่งหวงไป
จางเจี่ยเจี้ย  ประมาณ 70 หยวน  ไปเทียนเหมินซาน  10 หยวน  ไปอู่หลิงหยวน  40-50 หยวน   จากอู่หลิงหยวนไปฉางซาประมาณ  100-150  หยวน


รวมคร่าวๆ ค่าใช้จ่ายทริปแบบประหยัดไม่รวมตั๋วและวีซ่า จะอยู่ที่ 7000 ++ บาท

 พร้อมแล้วลุยกันไม้คะ ใครอยากขึ้นสวรรค์ จัดไปค่ะ




ทริปไปสู่ประตูสวรรค์ที่เที่ยนเหมินซาน  จางเจี่ยเจี้ย  หมู่บ้านโบราณเฟิ่งหวง  11-14 กค 57 
11 กค 57     พบกันที่สนามบินดอนเมืองพร้อมกันที่เวลา 05.00  น
                7.55น บินไปถึงฉางซาในตอนเที่ยงๆ เข้าเมืองฉางซา  1 ชม แล้วนั่งรถต่อไปเมืองโบราณเฟิ่งหวง  5-6  ชม  ถึงค่ำๆ เข้าที่พัก  หาอาหารท้องถิ่นทาน  
12 กค 57     ตื่นแต่เช้านั่งรถกลับไปจางเจี่ยเจี้ย ที่ตั้งของยอดเขาเทียนเหมินซาน  ประตูสวรรค์  หมดวัน กลับมานั่งรถต่อประมาณ  1 ชม  ไปนอนที่อูหลิงหยวน
13 กค 57    ตื่นแต่เช้าไปอุทยานอูหลิงหยวน   ยอดเขาเทียนจื่อซานที่ใช้ถ่ายทำภาพยนต์เรื่องอวตาร
  เย็นกลับมาพักผ่อนที่ตัวเมืองฉางซา
14 กค 57   05.00 น ตื่นแต่เช้านั่งงรถกลับมาที่สนามบินฉางซา  บินกลับไทยในตอน เที่ยง ถึงไทยประมาณ บ่ายสามโมงครึ่ง แยกย้ายกลับภูมิลำเนา

อัพเดตสมาชิก

1 ดอกไม้ทะลทราย      2 น้องไบค์             3 พี่นิค 
4 น้องเกด                 5 พัชราพร 1           6 พัชราพร 2
7 พัชราพร 3              8 พัชราพร 4           9 พัชราพร 5
10 คุณสุรดา              11 พี่ล้าน              12 อาป๋อง 
13 พี่ต่าย                 14 พี่แอน              15 นฤมล1
16 นฤมล 2               17 นฤมล 3            18 คุณปัท 1
19 คุณปัท 2                 20 คุณปัท 3


11 กค 57     ดอนเมือง-ฉางซา

เรานั่งรถพิดโลกยานยนต์ออกจากพิษณุโลกเที่ยว  00.30  น ไปลงฟิวเจอร์รังสิต  แล้วต่อแท๊กซี่ไปสนามบินดอนเมือง   นัดเจอสมาชิกรับพาสปอร์ตแล้วทำการเช็คอินไปรอขึ้นเครื่องเพื่อไปฉางซา  เครื่องออก 07.30  น  ในตอนเช้า  



ออกจากดอนเมืองเราใช้เวลาไม่นานก็ถึงสนามบินฉางซากันในตอนเที่ยงๆ เกือบบ่ายโมง
เวลาที่ประเทศจีนเร็วกว่าเราประมาณ 1  ชม  ก็ต้องปรับเวลานาฬิกากันหน่อย












ถึงฉางซาแล้วก็ผ่านตม   ไปรับกระเป๋าเพราะมีสมาชิกโหลดมา แล้วเราก็รีบ
ไปซื้อตั๋วรถบัสเพื่อไปยังสถานีขนส่งตะวันตกเพื่อต่อไปยังเฟิ่งหวง






จุดขายตั๋วเมื่อเดินออกมาให้เลี้ยวขวา  จะอยู่ติดกับประตู 1   
เราก็บอกคนขายว่าจะไปสถานีรถบัสไปเฟิ่งหวง   เขาจะขายตั๋วราคา  29.50 หยวน 
แล้วเดินออกประตู1ไปขึ้นรถบัสหมายเลข 1 เราได้รอบ 14.30  แต่คณะเรา  20 คน 
พอไปถึงก็เต็มพอดีรถออกเลย  อิอิอิ






สมาชิกเดินทางออกจากสนามบินไปขึ้นรถแอร์พอร์ตบัส





ก่อนจะขึ้นรถบัสเขาจะตรวจกระเป๋าและเรียกดูตั๋วรถบัสก่อน 
ว่ากันด้วยเรื่องความปลอดภัยก็ดีนะ 





ผ่านการตรวจกระเป๋าแล้วก็เดินต่อไปขึ้นคันที่ 1  ซึ่งอยู่หน้าสุด โดยจะมีหมายเลขกำกับไว้



ระหว่างทางไปยังสถานีรถบัสตะวันตกที่ฉางซา ตึกสูงๆ ทั้งนั้นเลย
เพราะฉางซาเป็นเมืองหลวงของมณฑลหูนหนาน



เราสังเกตุเห็นตึกหลายแห่งกำลังก่อสร้าง น่าจะมาจากการขยายตัว
ทางเศรษฐกิจของเมืองฉางซา



ใช้เวลา 1 ชม โดยประมาณ เราก็มาถึงสถานีรถบัสตะวันตก  ที่นี่จะบริเวณข้างนอก
และบริเวณสถานีที่เป็นสถานีรถระหว่างเมืองต่างๆ  โดยที่ข้างนอกจะเป็นรถเมล์
ที่วิ่งไปรอบๆ เมือง  มีหลายสาย 



เราลงจากรถแอร์พอร์ตบัสแล้ว เราก็เดินมาทางขวามือแล้วเลี้ยวซ้ายมาสุดทาง
แล้วเดินออกขวาจะเห็นป้ายอาคารขายตั๋ว เราก็เดินตามไปทันที


ไปถึงทางเข้าแล้วก็ต้องสแกนกระเป๋าและตัวกันก่อน เป็นอย่างนี้ทุกสถานี


เมื่อเข้าไปแล้วจะมีช่องจำหน่ายตั๋วอยู่เข้าช่องใดก็ได้ เราถามหารถไปเฟิ่งหวง
สำหรับ 20 คน ปรากฎว่ามีเพียงรอบ 17.30  น เท่านั้นที่เราจะไปได้ 
ใช้เวลาประมาณ 5-6  ชม ในการเดินทางนั่นหมายความว่าเราจะไปถึงเฟิ่งหวงกัน
ประมาณ 5 ทุ่ม ถึงเที่ยงคืน  ซึ่งดึกมากเราคงไม่ทันได้เดินชมเมืองโบราณกันใน
รอบค่ำแน่ๆ  แต่ตัดสินใจแล้ว มาแล้วก็คงต้องไปเพราะไม่รู้ว่าคราวไหนจะได้มา




เราซื้อตั๋วไปเฟิ่งหวงเป็นรถบัสปรับอากาส ราคา  150.50  หยวน รอบ 17.30 น
สำหรับ 20  ท่าน  แต่เราไปถึงสถานีกันที่บ่าย 2 โมงกว่าๆ จึงต้องนั่งรอกันไป


แต่ระหว่างที่รอในสถานีจะเป็นห้องแอร์ไม่ร้อนเหมือนข้างนอก จะมีร้าน
ขายของกินอยู่เราก็ไปเซอร์เวย์หาไรกินดีกว่า  นำโดยพี่แอน  อิอิอิอิ
ข้างนอกก็มีร้านเยอะนะ  แต่เราขี้เกียจออกไป  ก็มันร้อนอ่ะ  


พี่แอนกับน้องไบค์สั่งโน่น นี่ มาลองชิม แต่เราได้แต่นั่งมองแล้วเก็บข้อมูล รสชาติ
และราคามาบอกกัน อาหารข้างในไม่แพง เริ่มต้นที่ประมาณ 8 หยวน 
มีทั้งข้าว  เกี๊ยวซ่า  ก๋วยเตี๋ยว  น้ำปั่น  







อิ่มแล้วก็มานั่งรอเวลากัน  อิอิอิ  ทริปผจญภัย สมาชิกเหนื่อยกันน่าดู




                      รถไปเฟิ่งหวงจะขึ้นได้ที่ประตู 4  เรามานั่งรอกันด้านหน้าประตูเลย กันพลาด

ได้เวลาก็ขึ้นรถ นั่งประจำตำแหน่ง



บนรถจะมีหมายเลขกำกับที่นั่งอยู่ด้านบน



เรานั่งกันไป รถจะแวะกลางทาง 1 ครั้งให้เข้าห้องน้ำ  ประมาณ 5 นาที แล้วเราก็นั่งไปต่อกัน
จากฉางซา ใช้เวลา 5 ชั่วโมงครึ่ง ก็มาถึงเฟิ่งหวง  ระหว่างนั้นบนรถจะมีคนขึ้นมา ดูแล้วน่าจะเป็น
คนแนะนำทัวร์ แต่พูดภาษาจีนซึ่งเราฟังไม่รู้เรื่อง  สักพักนึงรถจะขับเลาะมาทางฝั่ง
ริมแม่น้่ำถัวเจียงแล้วจะจอด เราเห็นสะพาน เห็นแม่น้ำ เห็นไฟจากบ้านริมแม่น้ำ
แม้จะไม่คึกคักอย่างในภาพที่เห็นมาเพราะจะเที่ยงคืนแล้วร้านรวงต่างๆในเมืองเก่า
ปิดลงแล้ว  แต่เราก็รู้ว่าเรามาถึงย่านเมืองโบราณแล้วล่ะ  เดินไปตะโกนถามคนขับว่า 
กู่เฉิง ๆๆ  ที่แปลว่าเมืองเก่า  คนขับพยักหน้า โบกมือประมาณว่า  ลงได้เลย  
เราก็ลงรถไปรับกระเป๋ากัน  ข้างล่าง จะมีรถบัส รถแท้กซี่จอดอยู่กันเต็ม  เราถามรถบัสเล็กว่า
กู่เฉิงๆ คนรถบอก โอเค คนละ 5 หยวน  เราส่งที่อยู่ของโรงแรมให้ดู  ไม่นานรถก็จอดให้พวกเรา
ลงที่หน้าตึกแห่งนึงซึ่งตั้งอยู่บนถนนฝั่งตรงข้ามกับเมืองเก่า   




เราพักที่   Rush Time Traders Hotel
http://www.booking.com/hotel/cn/rush-time-traders-fenghuang.en-us.html?sid=7b966d4bcbebefb5fa793de9e6a367fb;dcid=2

ซึ่งจองมาจาก www.booking.com  ในราคาห้องละ 80 หยวน โรงแรมจะมีสองส่วน
คือพักตรงตึกที่เราจอดแวะ กับพักที่เมืองเก่า  แต่เราเลือกพักในเมืองเก่า  ทางโรงแรม
จึงนำรถไปส่งเราที่สะพานทางเข้าโรงแรม  ซึ่งอยู่ห่างพอสมควรโดยเดินข้ามสะพาน
มายังเมืองเก่า  เดินขึ้นบันได เลี้ยวขวา โรงแรมจะอยู่ซ้ายมือเดินขึ้นบันไป


ระหว่างที่รอเช็คอิน


ทางโรงแรมเลยได้พนักงานไทยไปช่วย อิอิอิอิ  พวกเราต่อรองหารถบัสเพื่อ
จะต่อไปยังจางเจี่ยเจี้ย เพื่อไปขึ้นกระเช้าเทียนเหมินซานและต่อรถไปอู่หลิงหยวน
สำหรับ 20 คน  ได้ บัสเล็ก 1 คัน แต่มีเพียง 19 ที่นั่ง โดยน้องไบค์เสียสละไปนั่งตรงกลาง
ระหว่างคนขับ กับเบาะที่นั่งข้างคนขับ แต่รถก็ให้ส่วนลด ถือว่าน้องไบค์นั่งฟรีไป
ได้ราคาคนละ  150 หยวน  เป็นการเหมายาวที่ถือว่าถูกมากๆ  เรานัดแนะสมาชิก
ว่าพรุ่งนี้ตื่นแล้วให้ทุกคนใช้สิทธิ์เดินเล่นรอบๆ เมืองเก่าได้เลย แล้วรถจะมารับตอน
9 โมงเช้า ทุกคนรับทราบเป็นอันว่าทริปอิสระทุกคนมีเวลาเดินกันได้อย่างเสรี


ได้ห้องแล้วก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน สภาพห้องพัก  สมราคา
 ห้องน้ำแลดูเก่าๆ แต่ก็สะอาดใช้ได้  


เราได้ห้อง สามเตียง  มีแอร์ มีทีวี กาต้มน้ำ  ผ้าขนหนูต้องไปขอตรงเคาน์เตอร์
น้ำดื่มฟรีตรงเคาน์เตอร์ เอาขวดไปกรอกได้



เก็บข้าวของแล้ว ก็แยกย้ายกันไปเดินเล่นชมเมือง 
แม้ไฟบางส่วนจะปิดลงแล้วแต่ก็ยังมีไฟให้เราชมอยู่  

ภาพจาก ผู้บ่าวพันธ์พื้นเมือง


ภาพจาก ผู้บ่าวพันธ์พื้นเมือง


ภาพจาก ผู้บ่าวพันธ์พื้นเมือง






12 กค 2557  หมู่บ้านโบราณเฟิ่งหวง

เราตื่นกันมาแต่เช้่า ประมาณ  6 โมงกว่าๆ  อาบน้ำอาบท่าแล้วเตรียมออกไปเดิน
สูดอากาศยามเช้ากันที่หมู่บ้านโบราณเฟิ่งหวง


สาวๆ กับทิวทัศน์เมืองเก่า  อากาศยามเช้าที่นี่ก็เย็นสบายดีพอสมควร
แม้ในบางช่วงเราอาจจะรู้สึกว่าร้อนอ้าวอยู่บ้าง ในเดือน กค  






นอกจากจะเดินเล่นได้แล้ว เรายังสามารถนั่งเรือล่องแม่น้ำถัวเจียงได้ในราคาคนละ 30 หยวน





จากตรงนี้จะมีค่าผ่านประตูเมืองเก่า  ถ้าไม่อยากจ่ายก็เลี้ยวกลับ อิอิอิอิ
จริงๆ ตอนแรก เขาตั้งป้อมทุกจุดเพื่อเก็บเงิน แต่คงมีปัญหาเพราะ
การเก็บบัตรเข้าเมืองเก่าที่แพงเกินไป เลยทำให้ไม่มีใครอยากเข้ามาเที่ยว  
จึงลดเหลือแค่บางจุดที่จะเก็บค่าผ่านเข้าไป



ร้านขายโยเกิตร์





ร้านขายอาหาร





เดินผ่านตรงนี้จะเป็นซุ้มเล็กๆ เขาจะช้อนกุ้งมาจากแม่น้ำถัวเจียงเป็นกุ้งฝอย
ตัวเล็กๆ นำมาชุบแป้งทอดเป็นแผ่นๆเสร็จแล้วเอาไม้เสียบ



ได้หน้าตาแบบนี้ ถ้าชอบเผ็ดก็ทาพริก แต่เตือนก่อนนะ พริกที่นี่ เผ็ดมากกกกกกกกกกกกก





ชิมกันสักหน่อย  ร้อนๆ อร่อยดี ไม้ละ 5 หยวน



เดินเล่น ชิมโน่น  ชมนี่ ได้เวลาก็ไปเก็บกระเป๋ากันดีกว่า  รถมารอรับแล้วที่อีกฝั่งถนน  


ขึ้นไปจับจองที่นั่ง



น้องไบค์เสียสละนั่งเป็นตัวแถมแต่ก็ไม่ต้องจ่ายตังค์ อิอิอิ



ออกเดินทางกันเพื่อไปจางเจี่ยเจี้ย  แวะเข้าห้องน้ำสาธารณะกลางทาง 1 ครั้ง
ค่อนข้างสะอาดดี   ระหว่างรอพนักงานจะมาล้างรถให้ด้วยนะ


ขับกันไปจนเที่ยง ก็เริ่มหิว บอกคนขับรถแวะร้านอาหาร  ร้านนี้จะเป็นแบบ
หม้อไฟ รวมผัก มีแต่หมูมาในกะละมังใบใหญ่ เอามาตั้งไฟร้อนๆ 



นั่งล้อมวงกินกัน



มีข้าวให้อีกหม้อใหญ่   ค่าหัวคนละ  15  หยวน



สำหรับอิสลามไม่กินหมู ก็เจอแต่ผักไป  อิอิอิอิ  อ้อ มีเต้าหู้ด้วย



หลังจากอิ่มหนำสำราญ เราก็ออกเดินทางกันต่อไปยังเมืองจางเจี่ยเจี้ยเพื่อไปจุดขึ้น
กระเช้าเทียนเหมินซาน หรือประตูสวรรค์  ใช้เวลาจากเฟิ่งหวงประมาณ  4 ชม


เราไปถึงกันประมาณ บ่าย 2  ก็รีบไปเข้าแถวซื้อตั๋ว ราคาคนละ  258 หยวน 
หรือประมาณ 1500  บาท เป็นตั๋วไปกลับ


จุดขายตั๋ว



ได้ตั๋วแล้วก็เดินออกมาจากจุดขายตั๋วเพื่อไปเข้าประตูอีกฝั่งนึงสำหรับไปขึ้นกระเช้า


หลังจากเดินขึ้นบันไดเลื่อนไป  2-3 ชั้น ก็ไปถึงจุดตรวจตั๋วก่อนเข้าไปรอคิวขึ้นกระเช้า


ได้คิวแล้วก็ออกลุยกันเลยกระเช้าจะขึ้นยังฝั่งตัวเมืองซึ่งสถานีขึ้นกระเช้าจะอยู่ใกล้กับ
สถานีรถไฟและรถบัส ซึ่งก็เดินไม่ไกลกันเท่าไร  สังเกตุได้จาก รางกระเช้าบนหัวเราเลยค่ะ 
ถ้าเห็นแล้วก็จับทิศทางเดินไปตามกระเช้าได้เลย  กระเช้าจะพาเราข้ามจากตัวเมือง
ไปยังเขาเทียนเหมินซาน ใช้เวลาประมาณ 40 นาที



ฝนทำท่าจะตก ปรอยๆ 











กระเช้าที่นี่จะมี 2 จุดแวะ  โดยที่จุดที่ 1  สามารถลง แล้วเดินไปขึ้นรถบัสเพื่อไปยัง
ประตูสวรรค์เทียนเหมินซาน โดยรถจะไปส่งถึงบันไดทางขึ้นเลยค่ะ 
โดยรถบัสนั้นจะไปและกลับโดยถนนเส้นนี้ คดเคี้ยวกันเป็นงูเลยค่ะ  ดูเหมือนน่ากลัว
แต่ตอนขับถนนไม่ได้ชันน่ากลัวอย่างที่คิด



และแล้วพวกเราก็ไปถึง บันไดทางขึ้นมี 999  ขั้น ทริปนี้ของเรามีผู้พิชิต
ได้เพียงไม่กี่คน เพราะฝนตกเลยทำให้หมอกโรยตัวมาปกคลุมทางไปหมดเลย



เราเองยังได้แต่ชื่นชมข้างล่าง เพราะห่วงกระเป๋าและกล้องจะเปียกน่ะ อิอิอิ



เพราะก่อนที่เราจะลงจุดแรก  เราได้ขึ้นกระเช้าไปจนสุดจุดที่ 2  ซึ่งอยู่บนยอดเขา
บนนั้นจะมีวัดเทียนเหมินตั้งอยู่  โดยลงแล้วก็เดินไปขึ้นกระเช้าเล็กอีกต่อนึง
ทั้งไปและกลับเพื่อเดินชมรอบๆ เขาเทียนเหมินและระเบียงแก้ว  แต่วันที่เราไป
ฝนตกหนักทำให้เดินไม่ได้เลยจึงนั่งเล่นข้าบนอีกสักพักจึงนั่งกระเช้ากลับมายัง
จุดแรกกันต่อเพื่อไปยังประตูสวรรค์  และจากตรงนี้เอง เป็นจุดที่เราเสียดายมากๆ
คงต้องหาโอกาสกลับไปซ่อมอีกครั้งนะ


มีการเปลี่ยนรถเป็นอีกคน เขาทำงานกันเป็นระบบเรานัดรถไว้ประมาณ 18.00 น  
เพราะรถเราเหมายาวเขาให้เวลาถึง 3 ทุ่มเพราะจากจางเจี่ยเจี้ยไปอู่หลิงหยวน
ใช้เวลาประมาณ 1  ชม  ที่เราเลือกไปนอนอู่หลิงหยวน ก็เพราะเวลาเรา
ค่อนข้างจำกัด เพื่อที่เช้าตื่นมาจะได้รีบไปเดินเข้าอุทยานกันได้เลย
สำหรับการไปเยี่ยมชม เขาอรตาร


ขับออกจากจางเจี่ยเจี้ยเราก็มาถึงอู่หลิงหยวน ให้ที่อยู่โรงแรมกับคนขับรถไป 
เราพักกันที่       J&H Nature Hotel
http://www.booking.com/hotel/cn/jh-nature-hotel-zhangjiajie.en-us.html?sid=7b966d4bcbebefb5fa793de9e6a367fb;dcid=2

โรงแรมค่อนข้างอยู่ลึกเข้าไปพอสมควร ถ้าเดินก็คงไกลอ่ะค่ะ  
แต่ดีว่าทางโรงแรมมีการรับส่งด้วยรถได้  




ห้องพักมีหลายชั้นประมาณ 3 ชั้นระหว่างทางเดินของห้องจะมีไดร์เป่าผมบริการข้างนอก


ห้องพักเป็นห้องแอร์ ไม่มีน้ำดื่ม มีผ้าขนหนูบริการ ทีวี ห้องพักดีสะอาดสมราคา



ห้องน้ำก็ถือว่าดี มีอ่างอาบน้ำให้ด้วย น้ำอุ่นสะใจ  ชอบๆๆ
เรานัดแนะสมาชิกกันในช่วงเช้าประมาณ 06.30 น เพื่อที่จะได้ทาน
อาหารเช้าและติดต่อรถเพื่อกลับฉางซาในตอนเย็น  





13 กค 57  อู่หลิงหยวน  อุทยานจางเจี่ยเจี้ย


อาหารเช้าจากโรงแรมราคาประมาณ 8-10 หยวน มีข้าวกับหมี่



เราคุยกับเจ้าของโรงแรมที่พูดอังกฤษได้นิดหน่อย เธอใจดีมากๆ 
 และจะไปส่งพวกเราที่ประตูทางเข้าอุทยานด้วย  น่ารักอ่ะ


สมาชิกถ่ายรูปกันจากบริเวณหน้าที่พัก


หลังจากนั้นเราก็ไปยังทางเข้าประตูอุทยานกัน ตีตั๋วกันได้ราคา  248  หยวน
หรือประมาณ 1400  บาท โดยมีประกันอุบัติเหตุให้ 3 หยวน รวมอยู่ด้วย


สมาชิกต่างก็ทยอยกันซื้อตั๋ว สามารถใช้บัตรนักศึกษาลดได้นะคะ 
แต่ต้องมีอายุไม่เกิน 24 ปี เท่านั้นนะคะ 





ได้ตั๋วแล้วก็เดินไปยังอาคารนี้เพื่อผ่านเข้าไปยังตัวอุทยาน



เขาจะมีการแสกนนิ้วมือเก็บไว้ เพราะตั๋ว  248 หยวน จะใช้ได้ 3 วัน
เราเข้าแล้วออกไป  วันที่สองก็สามารถมาเข้าอีกได้




เข้าไปแล้วเราก็เดินตามทางนี้ไปเรื่อยๆ  ระหว่างทางจะมีลิงอยู่พอสมควร
ใครที่มีถุงของกินระวังให้ดีค่ะ  เพราะลิงฉลาดมากๆ มันรู้ว่าใครมีของกินมันจะเข้า
มาแย่งมากระชากทันทีต้องระวัง เพราะมันอาจจะกัดหรือทำร้ายเอาได้










ระหว่างทางก็แวะถ่ายรูปหมู่กันสักหน่อย



หลังจากเดินผ่านลิงกันมา  แวะถ่ายรูปกันแล้ว  ทางด้ายซ้ายมือจะมีจุดขึ้นรถบัสอยู่
เพื่อไปขึ้นกระเช้าไปยังเขาเทียนจื่อ   เราก็เดินไปต่อคิวขึ้นรถกันเลย




รถบัสจะมาส่งตรงนี้เป็นที่ขายตั๋วขึ้นกระเช้า  ราคาตั๋ว ขึ้น 65 หยวน  
ลง  65  หยวน ไปกลับ  118  หยวน  จากจุดนี้สามารถขึ้นกระเช้าหรือจะเดินลงก็ได้
โดยใช้เวลาประมาณ 2-3 ชม  ทางที่ดี ซื้อ 2 ขาไปเลยค่ะ เพราะบนนี้จะใช้เวลาไม่นานนัก
ในการเดินชมรอบเขาที่มีระยะทางรวมประมาณ  3-4 กิโลเมตร


ได้ตั๋วแล้วก็เดินขึ้นบันไดไปตามทางเรื่อยๆ เพื่อไปขึ้นกระเช้า



คิวยาวมาก



ขึ้นมาแล้วก็จะเห็นวิวแบบนี้แหละ  บนเขานี้จะมีจุดชมวิวมากกว่า
10 จุด  แต่ละจุดก็จะมีมุมมองสวยงามแตกต่างกันไป
























จะอธิบายคร่าวนะคะว่า  อุทยานจางเจี่ยเจี้ย ในกรณีที่เราจะมาเขาอวตาร
ที่นี่จะมี  2 ประตูทางเข้า  คือประตูสำหรับขึ้นเคเบิ้ลแบบที่เราขึ้นไป 
และประตูที่สองสำหรับเขาอวตารแบบที่ขึ้นลงด้วยลิฟต์แก้ว
สามารถใช้เวลาวันเดียวได้ทั้ง สองเขานี้แบบที่สมาชิกเราไปกัน
คือ  มาลงประตูเขาทางที่ขึ้นลงด้วยเคเบิ้ลก่อน  ขึ้นไปแล้วกลับลงมา
แล้วเดินต่อไปยังเขาอรตารเพื่อไปขึ้นลิฟต์แก้ว  โดยมีระยะทางจากที่นี่
ไปยังลิฟต์แก้วประมาณ 5700 เมตร  หรือประมาณ 6 กิโลเมตร  ใช้เวลาเดิน
ประมาณ 2-3  ชม  จึงจะไปถึงทางขึ้นลิฟต์แก้ว  แต่ถ้าไม่เดินก็ให้หารถเหมาจาก
ประตูนี้ไปยังอีกประตูนึงได้เลย  ไปถึงแล้วก็จะมีรถบัสวนไปยังจุดขึ้นลิฟต์อีกทีนึง


4 สาว นั่งพักเหนื่อยกันสักหน่อยก่อนจะไปลุยที่เขาอวตารต่อ

โดยการเดินเราจะเดินเลียบลำธารแส้ม้าทองไปเรื่อยๆ  แต่หากใครเมื่อยก็จะมีบริการ
หาบแบบนี้ไปโดยคิดราคา  200  หยวน ต่อ 1 เที่ยว  แต่เราไม่กล้าขึ้น กลัวหัก อิอิอิ
เขาอรตาร จึงมีสมาชิกแยกเป็น 2 กลุ่ม คือคนที่ไม่ไปขึ้นลิฟต์แก้วกับคนที่ไปขึ้นลิฟต์แก้ว
จึงนัดเวลากันว่า  รถจะมารับที่หน้าประตู 5 โมงเย็นเพื่อกลับไปยังฉางซา จึงขอให้สมาชิกทำเวลาด้วย





สมาชิกที่ไม่ไปก็มาถ่ายรูปเก็บรายละเอียดกันดีกว่า



แตงลูกละ 5 หยวน  เขาจะปอกเปลือก กินได้ทั้งแท่ง ยาวดีน่าสนใจ หวานกรอบ




แป้งทอดไม้ละ 5 หยวน  ร้อนๆ พอกินได้ ไม่อร่อย แต่ก็หมด



นั่งรอสมาชิกกันชักหิว เดินออกไปหน้าประตูหาข้าวกินดีกว่า  ข้างหน้ามี
ดอกไฮเดรนเยียสวยๆ บานสะพรั่งอยู่



พี่แอน อดใจไม่ไหวขอเข้าไปถ่าย









ตาชั่งแบบจีน 



ไปเจอร้านข้าว อยากกิน แต่สั่งกันไม่รู้เรื่อง จึงต้องวาดรูปไก่ รูปไข่ อธิบายกันไป



เราขอไข่เจียว  พี่แอนเลยเจียวเองซะเลย คือทำแล้ว แม่ค้าจะคิดเงินเท่าไรก็จ่ายไป



หน้าตาที่ได้ก็ออกมาแบบนี้



ขอข้าวมาโซ้ยกันเลย


ขวัญใจแม่ค้าไปแล้ว




ป้ายร้านที่เรากินกัน



ทีนี้ก็ตัดตอนมายังคนที่เดินไปขึ้นลิฟต์แก้วบ้าง  
หลังจากเดินไปกันได้ 6 กิโลเมตรแล้ว ก็จะถึงทางขึ้นลิฟต์แก้ว ก็ไปตีตั๋ว
แล้วรอเข้าคิวขึ้นลิฟต์แก้วได้ค่ะ  โดยราคาตั๋วขึ้นและลง เที่ยวละ 72 หยวน
ก็สามารถขึ้นไปชมความงามกันได้เลยข้างบน  เพราะตรงจุดนี้
จะเป็นฉากนึงของหนังเรื่องอวตารที่เขามาถ่ายทำกัน  แต่เราว่าจริงๆแล้ว
วิวที่ได้ไม่แตกต่างนักจากเขาที่เราขึ้นลงด้วยเคเบิ้ล เพราะมันคือบริเวณเดียวกัน
เขาเดียวกัน  วิวเดียวกัน เพียงแต่มุมมองที่ชมแตกต่างกันไป  และตรงเขาอวตารนี้แหละ
จะมีสะพานผ่านฟ้า  ที่ทอดตัวยาวระหว่างเขานึงไปยังอีกเขานึงด้วย











และหลังจากชมวิวบนเขาอวตารเสร็จแล้ว ก็ลงกลับทางลิฟต์แก้วเหมือนเดิม
แล้วเดินต่อไปยังจุดขึ้นรถบัส  เพื่อไปยังหน้าประตู  แต่จะเป็นอีกประตูนึงนะคะ  
ซึ่งกวางขอเรียกว่าประตู 2 ละกัน  คือประตู 1  สามารถขึ้นลงเคเบิ้ลได้แล้วเดิน
ไป 6 กิโลเพื่อไปขึ้นลิฟต์แก้ว   ส่วนประตู 2 จะเป็นประตูที่ขึ้นลงลิฟต์แก้วได้
โดยระหว่าง 2 ประตูนี้ ไม่มีรับ รับส่งนะคะ  ต้องเหมารถมาเองระหว่างประตูเท่านั้น
ถ้าใครจะมีเวลาก็เลือกที่จะเข้าประตู 1 แล้วเดินไปออกประตู 2 ได้  
หรือเที่ยวประตู 1 เสร็จ  ก็เหมารถไปประตู 2 ต่อเพื่อขึ้นลงเขาอรตารด้วยลิฟต์แก้วค่ะ  
โดยที่ค่าเหมารถ อาจจะมีราคาแตกต่างกันไป ถ้ารถบัสอาจจะคิดเป็นรายหัว
หรือคิดเป็นคันก็ได้   โดยเหมาคันอาจจะมีราคาประมาณ 100-150 หยวนได้ในกรณี
ที่คนเยอะ  หรือรถบัสลองถามให้เขามาส่งอาจจะคิดที่ราคาหัวละ  15-20 หยวนได้ค่ะ 

หลังจากสมาชิกมาครบแล้ว วันนี้เราเลทไปพอสมควรจากที่รถจะออก 5 โมง
ก็กลายเป็น 1 ทุ่ม เราติดต่อซื้่อตั๋วรถจากโรงแรม ให้ไปส่งที่ฉางซาเพื่อไปนอน
ที่ฉางซา 1 คืน ก่อนที่จะไปสนามบินเพื่อบินกลับไทยในตอนเที่ยง แต่หมายถึงว่า
4 โมงเช้าเราควรไปถึงสนามบินเพื่อเช็คอินแล้ว

เราตีตั๋วราคาคนละ  150  หยวน หรือประมาณ 800+  บาท   รถมารับที่ประตู 1
แล้วกลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรม โดยจะเป็นการจอยรถกันกับคนอื่นๆ 
ที่จะไปฉางซาเหมือนกันคืนนั้นเราก็นั่งกันเต็มคันเลยทีเดียว



โฉมหน้าเจ้าของโรงแรม ที่เราพักกันที่อู่หลิงหยวน  เธอชื่อต้านี่  ช่วยเหลือพวกเราทุกอย่าง
ไม่ว่าจะรับ ส่ง ตามรถ ตามคน  เธอเต็มที่มากๆ  แม้ภาษาอังกฤษของเราทั้งคู่จะไม่แข็งแรง
แต่ถ้าถามเซอร์วิสเราให้เธอเต็ม 100 คะแนนเลยค่ะ   แนะนำเลยค่ะโรงแรมนี้


ก่อนจะกลับ  ต้านี่พาพวกเราแวะซื้อผลไม้  ที่ราคาไม่แพงมีทั้งลูกพีช  ลูกไหน
พุทราจีน แตงโม สมาชิกเลยลงไปเลือกซื้อตามชอบและชิมกันเป็นที่สนุก


ได้ติดไม้ติดมือกันไป



ปาดชิมกันแบบไม่อั้น  อิอิอิอิ



หลังจากนั้นก็ออกเดินทางกันต่อไปยังเมืองฉางซา ที่มั่นสุดท้ายเพื่อการพักผ่อน
ของพวกเรา   รถวิ่งใช้เวลาประมาณ  5-6  ชม ก็มาถึงฉางซาในตอนเที่ยงคืนกว่า
ลงรถแล้วก็คนขับบอกให้เลี้ยวซ้ายเดินไปไม่ไกล


อิอิอิ  ไปกันเป็นแก๊งค์ สงสารทุกคนจัง เหนื่อยแล้วก็ง่วงกันน่าดู



เจอแล้วโรงแรมที่เราจองไว้  Jinjiang Inn - Changsha Helong Stadium

http://www.booking.com/hotel/cn/jj-inns-changsha-helong-stadium.en-us.html?sid=7b966d4bcbebefb5fa793de9e6a367fb;dcid=2



แล้วก็รีบไปเช็คอินกันโลด



ได้ห้องพักก็ทยอยกันขึ้นไปพักที่นี่ห้องประมาณ  1000 กว่าบาท
แต่จองผ่านเวปต้องใช้บัตรเครดิตเพราะเขาจะหักเงินเลยไม่ได้จ่ายทีหลัง
ห้องพักสะอาด  มีกาต้มน้ำ+ชาให้  ชอบอ่ะ  น่านอนเตียงนุ่มดีมากๆ 
มีลิฟต์ด้วยเพราะมีหลายชั้น



ห้องน้ำมีน้ำร้อนน้ำอุ่น  มีชุดแปรงสีฟันให้ 2 ชุด  ไดร์เป่าผมด้วย



ปลั๊กมีหลายแบบเลือกเสียบกันได้เลยนะ  



เราอำลาคืนนี้ไปด้วยมาม่าจีนของน้องไบค์  อิ่มสบายท้อง หลับคร่อกๆๆ






14 กค 57   ฉางซา -ดอนเมือง

เราตื่นมาในตอนเช้า  เพื่อลงมาทานอาหารเช้า ที่นี่ไม่มีอาหารเช้าให้ แต่สามารถซื้อคูปอง 
ราคา  18 หยวน เพื่อทานอาหารเช้าแบบบุปเฟต์ได้  โดยมีทั้ง ข้าว ซุป  ซาลาเปาเค็มหวาน
ผัดผัก กุนเชียง ชา กาแฟ  น้ำส้ม น้ำเปล่า  โยเกิร์ต ผลไม้ ขนมปัง แยม เนย  ถือว่าโอนะ  
กับราคานี้  มีไข่ต้ม มีออมเล็ต กินได้กันเต็มที่







ทานกันเสร็จแล้วก็ขึ้นไปเก็บกระเป๋า  โดยออกจากโรงแรมประมาณ 9 โมงเช้า
เพื่อหาแท้กซี่ไปยังสนามบิน  เพราะต้องใช้เวลาถึง 1 ชม จากตัวเมืองฉางซา
ไปยังสนามบิน   เราโบกแท้กซี่ได้กันคันแรก  นั่งได้ 4 คน  ราคา  120 หยวน
แต่หลังจากคันแรกไป ก็ไม่มีแท้กซี่มาเลย   แต่ปรากฎว่า  ระหว่างที่ยืนรอ
ก็จะมีรถมาจอดถามเป็นรถส่วนตัวของคนฉางซา  ซึ่งคิดว่า พวกเขาน่าจะหาลำไพ่พิเศษ
โดยการขับรถไปส่งนักท่องเที่ยงยังที่ต่างๆ  เราต่อราคา ที่ 4 คน  120  หยวน 
เพื่อไปสนามบิน  โบกได้ 4 คัน เป็นอันว่า เราไปถึงสนามบินกันได้ครบตามเวลา
ไปถึงแล้วก็เช็คอินผ่าน ตม ไปรอหน้าประตูเพื่อบินกลับไทย



สมาชิกทริปนี้น่ารักกันมากๆ ค่ะ  เพราะเป็นทริปที่ไม่ได้คาดคิดว่าจะต้องมาเดิน
กันอย่างสมบุกสมบั่นขนาดนี้เลย  แต่ทุกคนก็ไม่บ่น แถมยังสู้ซะอีก  
เราจบทริปนี้กันไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา
แต่เราก็มีความสุข  4 วัน 3 คืน แบบเบาๆ  แม้จะต้องใช้เวลาในการเดินทาง
ไปกันพอสมควร แต่ก็เป็นทริปที่ประทับใจและสนุกมากๆ ค่ะ  







แล้วพบกันใหม่ค่ะ กับทริปหน้ากับการผจญภัยครั้งใหม่ส่วนจะเป็นที่ไหนนั้น โปรตติดตามค่ะ  




ติดตามทุกเรื่องราวการเดินทาง และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ได้ที่ 


เพจดอกไม้ทะเลทราย  สำหรับนักแบกเป้แบบประหยัดไปด้วยตัวเอง


https://www.facebook.com/DxkmiThaleThrayDesertFlower?ref_type=bookmark