วันอังคารที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ตุรกีที่รัก PART 4 ดินแดนแสนรัก อาณาจักรไบแซนไทน์

                                 ทริปตุรกีที่รัก ภาค 4 




ผจญภัยบนที่ราบสูงอนาโตเลีย ดินแดนสองทวีป ที่ยากจะตัดใจจากลา เปิดทริปมาให้เตรียมตัววางแผนเก็บเงินกันล่วงหน้าเลยค่ะ .......
ทริปตุรกีที่รัก ภาค 4 ท้าลมหนาวกันเลยนะคะ
11 เมย   จากไทยไปอิสตันบูล
12 เมย   จากอิสตันบูล  ต่อเครื่องบินไป คัปปาโดเจีย   ต่อรถไปโกเรเม่ พัก 1 คืน
13 เมย   เที่ยวในโกเรเม่  ชมพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งและที่อื่นๆ ตามอัธยาศัย  ก่อนจะต่อรถไปปามุคคาเล
              ตอนกลางคืน
14 เมย    ถึงปามุคคาเลในตอนเช้า  เที่ยวปามุคเคเล   เมืองโบราณเฮียราโพลิส
              แล้วต่อไปรถ  เซลจุ้ก  นอนที่นั่น 1 คืน
15 เมย   ตื่นเช้าไปเที่ยวเอเฟซุส  ชมอาณาจักรโรมันเมืองเก่าเอเฟส   เย็นต่อรถไปอิสตันบูล
16 เมย   อิสตันบุล  พักและเที่ยวย่านสุลต่านอาเหม็ด  โบสถ์เซนต์โซเฟีย  นอน 1 คืน
17 เมย   อิสตันบูล  ล่องเรือบอสฟอรัส   ชอปปิ้งตลาดแกรนด์บาร์ซ่า  ตลาดอียิปต์บาร์ซ่า   นอน 1 คืน
              บินต่อไปรัสเซีย มอสโคว์
18ิ เมย   เช้า ถึงมอสโคว  รัสเซีย  เที่ยว 1 วัน   แล้วกลับมาต่อเครื่องกลับไทย
19 เมย   ถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ


ปล.  ช่วงนี้ทัวร์ตุรกีค่อนข้างถูกค่ะ  ถ้าชอบความสะดวกสบายครบครันแนะนำให้ไปกะทัวร์นะคะ เพราะทริปนี้กวางจัดเอง  คชจ พอๆกัน  เผลอๆ อาจจะแพงกว่าด้วยค่ะหลังจากรวมๆ คชจแล้ว

 สมาชิกลงชื่อพร้อมมัดจำมาแล้วค่ะ   15  ท่าน

1  ดอกไม้ทะเลทราย                            2  พี่นิก                                             
3 คุณธนัตถ์วรรณ วชิรอมรเลิศ            4 คุณธนัตถ์วรรณ วชิรอมรเลิศ          
5 คุณ Bang Bang Thearnthong        6  พี่หง่าว                                         
7  พี่หน่อย                                            8  พี่ธันย์จิรา
9  ฮัสซัน                                             10 ซาเมียร์
11  น้องปอ  1                                      12  น้องปอ 2
13  น้องปอ  3                                      14  น้องปอ 4
15  น้องปอ  5                      




 เป็นทริปประหยัด 8 วัน คับปาโดเจีย ปามุคคาเล เอเฟซุส อิสตันบูล ราคาทริป 13900 ไม่รวมตั๋วไปกลับ และตั๋วภายในประเทศ 1 ขา ค่ะ และไม่รวมค่าอาหารกับค่าเข้าชมบางที่ค่ะ เก็บมัดจำท่านละ 3900 บาท ที่เหลือจ่ายในเดือน   กพ 1 หมื่นบาท   ไปเสาร์กลับเสาร์ ทริป 8 วัน  

ปล. หากสมาชิกท่านใดอยากจะขึ้นบอลลูนเพื่อชมความงามที่คัปปาโดเจีย  
จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มท่านละ  5-6000  บาท  โดยประมาณค่ะ  โดยจะใช้เวลาในการล่องประมาณ 45  นาที
และการแวะกรุงมอสโคว์ในตอนขากลับจะมีค่ารถไปกลับ   ระหว่างสนามบินกับตัวเมืองอีกประมาณ  1000  บาท   และค่าเข้าชมอืนๆ ตามชอบ  ประมาณ 2-3000  บาท  

ดินแดนแสนรัก อาณาจักรไบแซนไทน์ ใครไม่ตกหลุมรัก ถือว่าใจแข็งมากๆค่ะ  

11 เมย 58  เช้า สุวรรณภูมิ กรุงเทพ


เรานัดพบกันกับสมาชิก  รวม  5 คน  ในตอน  9 โมงเช้า 
บินโดยสายการบินทรานส์แอรโร  Transaero  airline 
         ทั้งคนมาส่ง ทั้งสมาชิกตัวจริง วุ่นวายหนุกหนานอีรุงตังนังไปหมด อิอิอิอิ  
ทริปนี้เรามี 15 คน แต่แยกบินกันไป  2 บินไปรอก่อนแล้วที่อิสตันบูล 5  บิน ไปโดยแอโรฟลอต 
1  มาจาก นิวยอรค์   มาแจมไฟลท์ กันที่มอสโคว   1  มาจากคาซาบลังคา โมรอคโค 
 1 มาจาก สเปนส่วนของเรา บินกันตอนเที่ยงๆ บ่ายๆ  รวมพลครบ ก็ได้เวลาเช็คอิน
  แต่สายการบินนี้ ขอบอกว่า คนรัสเซียแทบจะทั้งลำเลยค่ะ   
 มีเราไปยืนโ่ด่ๆ เด่ๆ เตี้ยๆ ตันๆ กัน หัวดำ หัวแดง ดีนะเจ้าหน้าที่คนไทย
เขามาจัดแถวให้พวกเรา เพราะเราตั๋วกรุ้ป 5 คน



เจ้าหน้าที่คนไทย เช็คอินให้พวกเราได้นั่งแถวหน้า แบบนี้ น่ารักที่ซู้ดอ่ะค่ะ  เพราะอะไร
เพราะทรานส์แอโร คุณเอ๋ย ที่นั้งค่อนข้างแคบค่ะ  เพราะเราตัวใหญ่ แบบหย่อนก้นลงไปปุ้บ
พอดีเป้ะเลยไรงี้  คนตัวเล็กๆ ก็คงค่อยยังชั่วหน่อย  พอได้ที่นั่งแบบเหยียดขาได้ ก็โอเคนะ
ถ้าเทียบกะราคาแล้ว  ประหยัดจริงๆ ด้วยแหละ  


เครื่องออกไปได้ไม่นาน อาหารก็ถูกเสริฟ  มื้อแรกนี้ เป็นแบบ ข้าวสวย กับแกงอะไรสักอย่าง
ประมาณไก่ เราจะอุปโลกห์ให้มันเป็น พะแนงแล้วกันนะ  ประมาณ พะแนงไก่
เครื่องดื่มมีน้ำเปล่า  มีน้ำผลไม้ มีน้ำอัดลม ชา กาแฟ แต่ไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ 
เข้าใจว่า โลวคอสต์นะ  โดยรวมอาหารขาไปโอเค

ระหว่างทานอาหาร แหงนดูด้านบน  ทีวีรวมค่ะ อิอิอิ  มี จอใหญ่  แล้วก็จอเล็กๆ สลับคั่นระยะ
ระหว่างแถวที่นั่งกันไป  อยากได้หูฟังก็เรียกแอร์  ดูไป ฟังไป กินไป ฟิน 


ก็ไม่รู้สินะ   เอี่ยมอ่ะ อิอิอิอิ


ก่อนหน้านั้น ตอนขึ้นเครื่อง เขาก็แจกลูกอม  กำมา 4-5 เม็ด อิอิอิอิ



ก็นั่งกันไป กินกันไป  จนหลับไป ตื่นมาสำหรับมื้อเช้า ก่อนถึง มอสโคว์ 
อาหารก็ถูกเสริฟอีก เช่นเคย อาหารน้ำดื่ม ไม่มีแอลกอฮอร์   
ของหวานเขาไม่มีนะคะ  แต่จะมีเป็น ขนมซองๆ ที่เห็นนี่ก็ไมโล ที่แบบเป็นคุกกี้อ่ะ 
ไม่ก็ช๊อกโกแลต ไรงี้   แต่ก็นะ ยังรับได้อยู่แหละ  อิอิอิอิ   นี่ึคือขาออกจากไทยนะคะ

สรุปขาไปของสายการบินทรานส์แอโรค่ะ จากไทยไปมอสโคว ที่นั่งค่อนข้างแคบ
ทีวีรวม ไม่มีที่ชาร์ตโทรศัพท์นะคะ  ห้องน้ำมีคนเข้าตลอดเพราะเต็มทุกที่นั่ง
เลยทำให้มีกลิ่นนิดนึงค่ะ   ผู้โดยสารโดยมากเป็นคนรัสเซีย อาจเป็นเพราะทรานส์แอโร
เป็นสายการบินประหยัด จองล่วงหน้าจะได้ราคาค่อนข้างถูก
และคนรัสเซียเองก็นิยมมาเที่ยวเมืองไทยด้วยค่ะ  มากันแบบเช่าเหมาลำเลยก็มี
ส่วนการบริการดีค่ะ แอร์ ยิ้มแย้มแจ่มใสดี  ขาไปโอเคค่ะ
ส่วนจาก มอสโคว์ไปอิสตันบูล ที่นั่งกว้างขึ้นนั่งสบายขึ้น มีเสริฟน้ำดื่มกะชากาแฟบ้าง
ก่อนถึง อตาเติกร์ อิสตันบูลค่ะ 


หลังจากใกล้จะถึงมอสโคว์ ตามกำหนดเดิมเราต้องแล้วต้องรอต่อเครื่องประมาณ 3 ชม
ก่อนจะบินต่อไปอิสตันบูล  แต่ปรากฎว่า เครื่องบินวนอยู่บนฟ้า นานหลาย ชม กว่าจะได้ลงจอด
ซึ่งนั่นคือ พอลงจอดปั้บ พวกเราต้องวิ่ง ไปต่อเครื่องกันแบบทุลักทุเล
เพราะเลยเวลาบอรด์ดิ้งทาม แล้ว  ไปถึงประตูเกท  เจ้าหน้าที่ยืนรออยู่ พาพวกเราเดินลงบันไปข้างนอก
เพื่อไปขึ้นรถบัสต่อไปยังตัวเครื่องที่จอดรออยู่แล้ว  เราทั้ง 5 คน  ไปขึ้นเครื่อง พอนั่งรัดเข็มขัดปุ้บ เครื่องก็ออกพอดีเลย   เฮ้ออออ   ทรานส์แอร์โร เกือบทำเราตกเครื่องซะแล้ว 
ออกจากมอสโคว์ ที่สนามบิน กูโนโว เราก็ใช้เวลาบินไปถึงอิสตันบูลโดยประมาณ 3 ชม
ไปถึงประมาณ ตี 2 หลังจากผ่าน  ตม . ไปรอรับกระเป๋า  
แต่เอ้ะ บนสายพานไม่มีกระเป๋าของพวกเราเลย  รอจนหมดแล้ว
ซึ่งเนื่องจากเครื่องของเราดีเลย์ ทำให้กระเป๋ามาไม่ทัน พวกเราเลยต้องไปตามหากระเป๋าก่อน

ที่สนามบินอิสตันบูล จะมีจุดตามประเป๋า อยู่  3 จุด  
1  ของ สายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ จะอยู่ทางด้านขวา 
2  กะ 3 จะเป็นสายการบินอื่นๆ  2 อันนี้ ห้องเจ้าหน้าที่อยู่ติดกัน  
โดยเราก็ต้องเดินไปดูว่า สายการบินของเราอยู่กะห้องอะไร  
เราเดินไปแบบ งงๆ  เจอห้องที่ 2  มองไปไม่มีคนอยู่  ห้องที่ 3 ติดกัน มีคนอยู่
เดินเข้าไปถาม ว่า กระเป๋าเรามาไม่ถึง ต้องทำไงบ้าง  มีเจ้าหน้าผู้หญิง ยืนก้มๆ เงยๆ 
แต่ไม่สนใจจะถามอะไรเราสักคำ  พอเราถาม นางก็ตอบว่า สายการบินอะไร 
เราบอก ทรานส์แอโร  นางบอกให้ไปถามห้องที่ 2   เราก็เดินไปห้องที่ 2 แต่ไม่มีคน
ตะโกนเรียกก็ไม่มีใครลงมา  (นี่เริ่มหงุดหงิดละ)   จึงเดินกลับมาถามห้องที่ 3 ใหม่
ว่าห้อง 2 ไม่มีคน เราจะติดต่อตรงไหนได้อีก นางโบกมือ ให้กลับไปแบบไม่สนใจ
ว่าไปห้องที่ 2 เลย เราเลยเดินออกมา  ถามเจ้าหน้าที่หน้าห้องที่ตรวจกระเป๋าบนสายพานอยู่
ว่าไม่เจอใคร จะต้องทำไง  มีคนทำงานอยู่ บอก เขาก็ไม่รู้เพราะเขาเป็นแค่ซีเคียวริตี้ 
เท่านั้นค่ะ  ศกุนตลา อารมณ์ขาดผึง เดินกลับไปห้องที่ 2 ทันที  ทีนี้ตะโกนเลยค่าา
น่าจะดังมากอ่ะ  เพราะแฟนเราถึงกะก้มหน้าเลย  (แฟนคนโมรอคโคคะ บินมาจากนิวยอร์ค)
ได้ผล มี ผญ ยื่นหน้ามาจากชั้นสอง  เราเลยตะโกนว่า มาสายการบินทรานส์แอโร กระเป๋ายังมาไม่ถึง
ต้องทำไง  นางตะโกนกลับว่า ก็ไปดูสายพานสิ เราเลยเดินไปดูอีกรอบ แต่มันไม่มี 
กลับมานางหายหัวไปแล้ว  เราเลยตะโกนอีกรอบ ว่าไม่มี 
นางออกมาอีก ว่า มีสิ ไปดูอีกรอบ  เราเลยปรี้ดแตก  เราตะโกนดังกว่าเดิม 
ว่า  ไหน  ไหน  ตรงไหน  แกลงมาดูซิ อยู่ตรงไหน  คือแบบ วีนมากอ่ะ อิอิอิอิ
ตอนนั้นคือโมโหค่ะ เพราะ ตี 3 แล้ว เพื่อนฝูงและคณะก็มารอกันเป็น ชม. 
ข้างนอกแล้ว เพราะนัดกัน 15 คน ให้นั่งรอนอนรอกัน   
พอทีนี้ หน้าตา เสียงเราไปแล้ว เรายืนท้าวเอวเลยค่าาา ว่าไหน ลงมาดูซิตรงไหน 
จะให้ชั้นไปดูตรงไหน   สงสัยเห็นเราเอาจริง ทีนี้ ทั้ง ผญ ผช  2 คน รีบลงมาเลยค่ะ
เปลียนเป็นยิ้มแย้ม  พาเราเดินไปดู แต่ปรากฎว่ามันก็ไม่มีอย่างที่เราบอก
สรุปคือ เช็คกะสายการบิน เป๋ายังไม่มา มี 2 ทาง คือ กลับมาเอาใหม่ในวันถัดไป
หรือจะให้ส่งไปที่โรงแรมที่เราไปพัก  เราเลยคำนวณวันเวลาบอกให้ส่งตามไปในวันที่
 14  เมย ที่โรงแรมที่ เซลจุ้ก Selcuk เพราะน่าจะเวิคร์สุด 
นั่นคือหมายถึง เราจะไม่มีเสื้อผ้าใส่ตั้งแต่ 11 ยัน 14  อั้ยย่ะ งานเข้าของจริง



กว่าจะเคลียร์กะเจ้าหน้าที่เสร็จ แหม ลงมาทำให้เราแต่แรกก็จบละ 
ทะลึ่งลีลา  ไม่รู้จักสาวไทยซะแล้ว อิอิอิ 
ออกมา เพื่อนฝูงมารอรับกันตั้งแต่เที่ยงคืน แหะ แหะ  ยันตี 3  
เพราะมีเพื่อนคนไทยที่ตุรกีฝากหิ้วอาหารไทย เราก็หิ้วมาให้ ทุกคนรออย่างมีความหวัง
ปรากฎว่า  แห้วค่ะ ทุกคนต้องรอของ วันที่ 14  เมย แล้วเราถึงจะส่งผ่่าน คาร์โก้ไปให้อีกที



ข้อควรจำอีกอย่างนะคะ  กวางเห็นว่ามีประโยชน์เลยเอามาฝากกัน

คนเดินทางต้องรู้ : โหลดกระเป๋ายังไงไม่ให้

หาย + แชร์ประสบการณ์กระเป๋าหายได้คืน

อ้างอิงจาก   http://spin9.me/2015/06/06/airlines-checked-baggage-lost/

ข้อควรจำเมื่อโหลดกระเป๋าเดินทาง

  • ต้องได้รับแท็กกระเป๋า เท่ากับจำนวนกระเป๋าที่เราโหลดทุกครั้งที่เคาน์เตอร์เช็กอิน (สำคัญมากๆๆๆๆ ที่สุด)
  • ควรมีป้ายชื่อติดหูกระเป๋า ระบุชื่อ-นามสกุลภาษาอังกฤษ พร้อมที่อยู่ Home Address
  • ล็อกกระเป๋าทุกครั้งที่โหลดเข้าระบบ
  • แกะแถบบาร์โค้ดเก่าออกจากหูกระเป๋าทุกครั้ง ถึงแม้ว่าตอนเช็กอิน เจ้าหน้าที่จะแกะออกให้เราอยู่แล้ว เพื่อไม่ให้ระบบสับสน แต่เจ้าหน้าที่ก็อาจจะพลาดได้ (กระเป๋าบางแบบมีหูหิ้วหลายที่) ดังนั้น เราแกะออกเองทุกครั้งดีกว่าครับ
  • จำรูปพรรณสัณฐานของกระเป๋าที่เราใช้ให้ได้ หรือถ่ายรูปเก็บไว้
  • ทำกระเป๋าให้แตกต่าง และมีเอกลักษณ์ที่เราจำได้ เพื่อป้องกันการหยิบผิดของผู้โดยสารคนอื่น ที่อาจะใช้กระเป๋ายี่ห้อ หรือ ทรงใกล้เคียงกับเราครับ
  • เหตุการณ์กระเป๋าหาย เกิดขึ้นได้กับทุกคน อย่าประมาทใส่ทุกอย่างไว้ในกระเป๋าโหลดเพียงใบเดียว แพ็กเสื้อผ้าสำรองไว้ในกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่องบ้าง เพื่อความไม่ประมาทครับ

ถ้าค้นพบว่ากระเป๋าหาย

  • กรณีที่ยังเดินทางไม่ถึงสนามบินปลายทาง ให้แจ้งเคาน์เตอร์ Transit ที่สนามบินที่เราทำการเปลี่ยนเครื่องโดยเร็วที่สุด
  • กรณีที่กระเป๋าหาย ไม่ออกมาที่สายพานที่สนามบินปลายทาง ให้แจ้งที่เคาน์เตอร์ Lost & Found หรือ Baggage Enquiry ซึงจะอยู่บริเวณสายพานรับกระเป๋าของทุกๆ สนามบิน



รวมพลกันได้ซะที  นั่งเล่นนอนเล่นสนามบินนั้่นแหละ เพราะเราจะต้องบินเช้า
ด้วยสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ เพื่อไปต่อที่ Nevsheir    Cappadocia  คัปปาโดเจีย
เราจะพักกันที่โกเรเม 1 คืน  ในคืนที่ 12 เมย นี้ กันค่ะ 
แหะ แหะ ทริปลำบากจริงๆ แต่สมาชิกก็ยังยิ้มแย้มกันอยู่นะ 
ทริปนี้ พี่นิดแวะกลับจากไปพักผ่อนกับครอบครัวที่ ต่างประเทศ 
มาถึงสนามบินอิสตันบูล อตาเติกร์ในเวลาไล่ๆ กัน 
มาทักทายที่สนามบินด้วย อยู่ด้วยกันจนเกือบเช้าก่อนแยกย้ายกลับบรูซ่า


12 เมย 58  เช้า   อตาเติกร์ อิสตันบูล ตุรกี   -  โกเรเม่ คัปปาโดเจีย


ได้เวลาพวกเราก็ไปเช็คอิน Demestic ภายในประเทศ เดินออกไปอีกพอสมควร  
กว่าจะถึงจุดเช็คอิน ได้ตั๋วละ พร้อมบินจ้าา


เตอร์กิชแอร์ไลน์ บินภายในประเทศของตุรกี ราคาไม่แพง  เปรียบได้ก็แบบ นกแอร์นะ 
เพราะโหลดได้ 15-20 กก  มี ของว่างเสริฟ  สะดวกกว่านั่งรถเยอะเลย
ปล. จองล่วงหน้านานๆ ก็ได้ถูกอยู่จ้าาา  ราคาบินไป Nevshier ประมาณ 1900-2500  
หาจังหวะจองกันดีๆ ค่ะ  จะได้ประหยัดด้วยนะ


ได้ที่นั่งแล้ว สาวๆ ก็เฮฮากันตามเต็ป


ชอบตรงที่พักเท้านี่แหละ อิอิอิ  เกร๋ๆๆ


ของว่างมาเสริฟ เป็นแซนวิชกะ ชีสไรงี้  มี ผักดอง กะโยเกิรต์ 
เขาจะจัดมาเป็นตะกร้าให้เลย  พอกินได้จ้าาา


ไม่นานประมาณ 1-2 ชม เราก็บินมาลง ที่ สนามบิน Nevshier เรียบร้อยโรงเรียนแขก
ก่อนลงก็นะ  สักนิด 55555  


ลงแล้วก็อีกนิด  อากาศวันนี้ เย็นฝุดๆๆ เลยค่าาา  เย็นกว่าทุกปี เพราะมีหิมะปรอยๆๆ
ยืนๆรวมกลุ่มถ่ายกันอยู่  หนุ่มตุรี ในชุดดำ คงนึกสนุก มายื่นต่อถ่ายหมู่ด้วย โดยที่ไม่มีใครสังเกตุเห็น
อิอิอิอิ  สายไทยสวยล่ะเซ่   


เรานัดรถมารับกันแบบ ชิว ๆ ในราคาคนละ 25 เทเล  (1 เทเล = 12+ บาท)
รถมารับไปส่งโรงแรมที่เราจองไว้แล้วอยู่ใน โกเรเม่ Goreme 
จากสนามบิน Nevshier จะใช้เวลาประมาณ  45  นาที -1 ชม เพื่อไปยังโกเรเม่
โกเรเม่ คือเมืองเล็กๆ เมืองนึง ที่ปัจจุบันถูกพัฒนาให้เหมาะกับนักท่องเทียว
คือสามารถไปพัก มีโรงแรม ร้านอาหาร ผับ บาร์เล็กๆ มีสถานีรถบัส รถแท้กซี่
สามารถเดินทางไปและกลับได้จากโกเรเม่แบบสะดวก  ซึ่งคึกคักมากสำหรับ
นักท่องเที่ยว ถ้าเดินทางเอง เราว่าพักที่ โกเรเม่นี่แหละ สะดวกที่สุดเลยละคะ
ทัวร์วันเดียว หรือจะบอลลูน ขี้ม้า เช่ารถ เช่าจักรยาน มีครบวงจรเลยล่ะค่ะ
สำหรับคนที่คิดจะเช่ารถ กรุณาทำใบขับขี่สากล ทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซด์
ให้เรียบร้อยนะคะ  ไม่งั้นเขาไม่ให้เช่าค่ะ 


รถคันนี้ประมาณ 15-17 ที่นั่ง  พอดีกะกลุ่มเราเลย อิอิอิอิ 



ขึ้นรถยิงยาวไปโกเรเม่กันค่ะ เราออกจาก อตาเติกร์ก อิสตันบูล ไฟลท์ 7.05  น เช้า
มาถึงประมาณ 9 โมงเช้า รอรับกระเป๋าเสร็จ ออกมาขึ้นรถ แล้วไปโรงแรมกันเลยค่ะ 

วิวข้างทางระหว่างไปโรงแรม

หิมะยังมีหลงเหลืออยู่บ้าง  ขับๆ ไปก็มีหิมะโปรยค่ะ 


ชั่วระยะเวลาหลับๆ ตื่นๆ ก็ไปถึงโรงแรม  โรงแรมเรากลางเก่ากลางใหม่ ราคาประหยัด
อยู่ใกล้กับสถานีรถบัส เดินเข้าวอยขึ้นเนินไปไม่ไกล   มีสระว่ายน้ำด้วยแต่ไม่มีน้ำ
ก็หิมะเพิ่งละลายไปนี่นา  แค่นี้ก็หนาวจะแย่แระ

มุมต่างๆ ของที่พัก  โดยรวมห้องพักสะอาดดีค่ะ  มีทั้งแบบห้องรวม 
ห้อง สาม ห้องสี่ ห้องสอง  มีอาหารเช้าให้ด้วย ไวไฟในห้องพักไม่ค่อยแรงเท่าไร
ต้องเดินๆ ออกมาข้างนอกใกล้ๆ กับห้องทำงานของพนักงานต้อนรับถึงจะแรงหน่อย



สาวๆ ล้อมวงเล่นไวไฟ ระหว่างที่รอเช็คอิน เรามาถึงกันตอน 4 โมงเช้ากว่าๆ  เสร็จจากเช็คอิน
แล้วก็ให้อิสระกับสมาชิกในการเดินเล่นชมเมือง หรือจะเดินขึ้นเขาไปนิดหน่อยประมาณ 1 กม
เพื่อไปพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งหรือ Open air museum Gereme  มีค่าเข้าประมาณ 15 TL
หรือบางส่วนจะพัก อาบน้ำ หาไรกิน เดินเล่นทั่วไป  ก็ทำได้ตามใจ ชิวๆ ค่ะ  
เรานัดสมาชิกไว้ที่ 5 โมงเย็น สำหรับอาหารค่ำ พร้อม ระบำเตอร์กิช ในแบบต่างๆ รวมทั้ง
ระบำหน้าท้องด้วยค่ะ   ราคา  75 TL รวมรถ รับส่ง อาหารค่ำ พร้อมเครื่องดื่มแบบไม่อั้น




ได้ห้องพักเช็คอินกันเรียบร้อย พวกเราก็แยกย้ายกันไปตามชอบ  
เราเลือกออกมาเดินเล่นชมเมืองดูธรรมชาติด้วยการเดินขึ้นเขาไปทาง
พิพิธภัณฑ์โกเรเม่กัน  เดินกันไปเรื่อยๆ ขำๆ 




คัปปาโดเจียเดิมเป็นการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อประมาณ 3 ล้านปี ที่ผ่านมาก  พ่นลาวาและเถ้าถ่านจำนวนมหาศาล กระจายไปทั่วบริเวณทับถมกันจนเกิดเปรแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา  และถูกธรรมชาติ 
ไม่ว่าจะเป็น  น้ำ ลม ฝน แดด ได้กัดกร่อนเซาะแผ่นดินไปเรื่อยนานเป็นแสนเป็นล้านปี  
ทำให้เกิดภูมิประเทษที่แปลกออกไป เต็มไปด้วยหินรูปร่างต่างๆ กัน ทั้งกรวย ปล่อง กระโจม โดม 
และรูปร่างๆ ต่างๆ อีกมากมาย   คัปปาโดเจียแปลได้อีกความหมายนึงคือ ดินแดนแห่งม้าพันธ์ดี
โดยสมัยก่อนคริสตกาล คัปปาโดเจียได้ตกอยู่ในอิทธิพลของชาวกรีกโรมัน  ประชาชนส่วนใหญ่ จึงนับถือเทพเจ้ากัน จนกระทั่งเซนต์ปอล ได้เดินทางมาถึงและเผยแพร่ศาสนาคริสต์
ผู้คนจึงหันไปนับถือศาสนาคริสต์กัน โดยมีการสร้างโบสถ์ คริสต์ ภาพวาดพระเยซู  แต่ชาวโรมันไม่พอใจ
จึงทำการกวางล้างชาวคริสต์ทั้งหมด ผู้คนจึงตอ้งอยู่อย่างหลบซ่อน โดยการขุดเจาะกลุ่มแท่งหินต่างๆ เป็นอุโมงค์ เป็นหลุมหลบภัย ขุดเจาะลึกลงไปยังชั้นใต้ดินลึกหลายๆ เมตรเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย









จนเวลาผ่านไป จนถึงยุคไบแซนไทน์ ชาวโรมันได้กลับมายอมรับศาสนาคริสต์
โบสถ์และถ้ำต่างๆ จึงได้รับการตกแต่งและบูรณะใหม่ให้สวยงาม
โดยในยุคไบแซนไทน์นั้นถือว่าเป็นยุคนึงที่เจริญและรุ่งเรืองที่สุดของศาสนาคริสต์




โดยหลังจากยุคไบแซนไทน์รุ่งเรืองตั้งแต่ คริสต์ศตวรรษที่ 5-6 หลังจากถูกยึดครองด้วยพวกโรมัน 
จนถึง ศตวรรษที่ 9-10   จากนั้นก็ได้มีชาวเติร์กเข้ามารุกรานและสถาปนาอาณาจักรออตโตมันขึ้น
บนคาบสมุทรดินแดนอนาโตเลีย และเปลี่ยนศาสนาคริสต์เป็อิสลาม  เปลี่ยนโบสถ์ให้เป็นมัสยิด
คัปปาโดเจียจึงหมดความสำคัญลงไป  ชาวคริสต์ต่างๆ  ต้องอพยพไปปล่อยให้ทิ้งร้าง
และบางส่วนก็ได้ถูกทำลายลงไป เพราะขัดต่อหลักความเชื่อของศาสนาที่ห้ามเคารพรูปปั้น



หลังจากการร่างสนธิสัญญาโลซานน์ เพื่อประกาศอิสระภาพของตุรกี  
ชาวกรีกบางส่วนก็อพยพออกไป โดยที่ ชาวเติร์กบอลข่าน ได้ย้ายเข้ามาอยู่แทน 
และยูเนสโก ได้ประกาศให้ คัปปาโดเจียเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนะธรรม
แห่งแรกของตุรกีขึ้น ในปี 1985   ชาวกรีกที่ยังหลงเหลือบางส่วน ก็ได้สร้างครอบครัว
แต่งงานกับชาวพื้นเมืองเดิมและกับชาวเติกร์บางส่วน  ซึ่งเวลาเราไปตุรกีจะเห็นได้ว่า
บางคนมีตา สีฟ้า  ผิวขาว ผมทอง รุปร่างสูงโปร่ง แบบฝรั่ง  
กับบางส่วนที่ออกแนวแขกแบบผมดำ ตาดำ รูปร่างเล็ก ๆ  สันทัดไม่สูงมาก
อันนี้ก็เนื่องมาจากการผสมระหว่างสายพันธ์ค่ะ   
เพราะคนตุรกี ทั้ง ผู้หญิงและผู้ชาย จัดว่าหน้าตาดีค่ะ  อิอิอิอิ


เราเดินเล่นชมเมือง ชมนกชมไม้กันไปหนุกหนาน อากาศเย็น ชอบ สบายดี





น้ำส้มคั้นสดๆ ฟิน ชื่นใจ







ระหว่างเดินเล่นก็มีร้าน ช ากาแฟ น่ารักๆ ไว้ให้นั่งเล่นกัน  แต่ข้างนอกอากาศ
ค่อนข้างเย็น เราจึงไปนั่งด้านใน้รานเพราะจะมีเตาผิงให้ความอบอุ่นกัน


ตามร้านขายของต่างๆ มักจะมีชุดชา แบบทองเหลืองขาย

แบบเซรามิกสีสรรงดงามสดใส  แต่ไม่ได้ซื้อ อิอิอิอิ 




  ไม่รู้ล่ะเดินมาเดินไป ก็ชักหนาวและหิวแล้วเลยไปหาไรกินดีกว่า  แล้วค่อยกลับไปนอนเอาแรง 
เพราะตั้งแต่เดินทางมานอนยังไม่เต็มอิ่มเลย   5 โมงเย็น ค่อยตื่นมาอาบน้ำแล้วไปดูระบำหน้าท้องดีกว่า

ทานเสร็จมื้อกลางวัน กลับมานอนก่อนเอาแรง ห้องพักใหญ่ สะอาดดีใช้ได้ 
ห้องน้ำโอเค มีผ้าขนหนู ชุดของใช้ประจำห้องน้ำให้ มีฮีตเตอร์ให้ด้วย
ที่พักจะมีแบบเป็นส่วนของถ้ำหิน และส่วนที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ 
ก็ได้อารมณ์ดีนะ  นอนในหินเนี่ย 


ค่ำๆ รถมารับแล้ว เราและสมาชิกก็เตรียมพร้อมแล้วสำหรับอาหารมื้อค่ำ  










เราไปถึงแล้วก็ขึ้นไปนั่งจับจองทีนั่งกัน โต๊ะจะเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งละ 4 คน ตรงหน้ามี
เครื่องเคียงสไตล์ตุรกีไว้แล้วประเภทถั่วบด  ชีสเค็มๆ พริกบด ขนมปัง ที่สำมะคัญ ไวน์แดง 
ไวน์ขาวขวดเบ้อเริ่มตั้งอยู่  วุ้ยๆๆ ฟิน 


ได้โต๊ะปั้บ พนักงานก็จะเริ่มมาแจกเครื่องดื่ม มีทั้งเบียร์ ว้อดก้า ผสมน้ำผลไม้
ไวน์ ทุกอย่างเติมไม่อั้น กินกันให้เมาแหลกราญกันไปเล้ยยย  ฮี่ๆๆๆ


ไม่นาน อาหารก็จะทยอยเสริฟ  โชว์ระบำท้องถิ่นต่างๆ ก็จะออกมาร่ายรำ
จนถึงระบำหน้าท้องอันเป็นไฮไลท์  นางรำสวยมาก หุ่นอวบๆ พุงขาวจั๊วะ 
เต้นเก่ง แล้วก็น่าทึ่งมากๆค่ะ 



ได้ที่แล้วอ่ะ หน้าแดงกันเบย  อิอิอิอิ



พี่นิก ดกใหญ่เลย อะไรกัน ผู้หญิงคนนี้เท่าไรก็ไม่พอ 555555


หลังจากอาหารเสริฟมาจนตั้งแต่ จานหลักจน ของหวานและผลไม้ 
ทุกคนก็ได้ที่พอดี  ตอนท้ายๆ นางรำจะชวนให้ทุกคนลงไปเต้นด้วย
สาวๆ ของเราลงไปเต้นกันฝุ่นตลบเลยทีเดียวเชียวค่ะ 
เสร็จกิจกรรมในค่ำคื่นนี่  เราก็กลับไปนอนฝันดี ท่ามกลางอุณหภูมิ
ที่ต่ำลงไปเกือบติดลบ หิมะโปรยปรายมาเบาๆ เป็นช่วงๆ
แต่อ่ะนะ  ฤทธิ์ว้อดก้า ก็พาเราหลับรวดยาวไปจนเช้าแน่ะ

13  เมย 58   คัปปาโดเจีย   

เช้านี้เราก็มีโปรแกรมพาสมาชิกเที่ยวแบบ 1 เดย์ทริป เต็มวัน ที่โกเรเม่ นิยมขายทัวร์ แบบนี้
จะมี 2 แบบ คือ  เรด ทัวร์  90 TL   กรีนทัวร์  100  TL   ราคาต่างกันไปตามระยะการเดินทาง
เพราะกรีนทัวร์จะไกลกว่า  โดยโปรแกรมก็รวมค่ารถ ค่าเข้าชม ค่าอาหารกลางวันให้ 
เราว่าโอนะ เพราะไปเอง คงไปไม่หมดเพราะแต่ละที่ค่อนข้างไกล และรถราอันจำกัด
เช้าเราคุยกับ ทางบอลลูนว่า  ตี 5 ถ้าโอเค ฟ้าเป็นใจ เราก็จะไปขึ้นบอลลูนกัน ราคา 100 ยูโร
แต่ถ้าฟ้าฝนไม่เป็นใจคือแห้ว   ตี 5  ทางโรมแรมแจ้งว่า  เสียใจด้วย เลยจบ นอนต่อ
ถัดไป คือรถมารับ 9 โมง เพือเรื่มกรีนทัวร์กัน     พวกเราตื่นกันอาบน้ำ  และเนื่องจากเราไม่มีเสื้อผ้าใส่
เพราะกระเป๋าไม่มา จึงต้องใส่ชุดเดิม แหะ แหะ  มันหนาว ไม่เหม็นหรอกนะ  



ว่าแล้วก็ขึ้นไปสอยอาหารเช้าก่อนนะ 
อาหารเช้าสไตล์ตุรกี ก็คือ หนมปังอบมากรอบๆ แยม ชีส มะกอกดอง
อะไรบางอย่างคล้ายๆแฮม แต่ไม่ใช่หมู แผ่นแดงๆ พอกินได้ แปลกๆ ดี  
แตงกวาสด มะเขือเทศสด  น้ำส้ม ชา กาแฟ ตามประสา
ไข่ต้มจำกัดคนละใบ  แต่ถึงกระนั้นก็มีคนแอบสอยไป 2 ลูก เนียนๆ อิอิอิ
ไม่ใช่เค้าน้าาาาาา.......................

สมาชิกทยอยมาทานอาหารเช้า


บางคนก็เลือกดู เลือกกิน



อิ่มแล้วก็ค่อยยังชั่ว  มีแรงไปลุยต่อละ  วันนี้ทั้งวันกับกรีนทัวร์


หลังจากอิ่มกันแล้ว ไม่นานรถก็มารับตอน 9.00 น  พวกเราก็ขึ้นรถไปยังเอเจนซีก่อน 
เนื่องจากรถ 17 ที่นั่ง  ทางเอเจนซี่จึงจัดให้เราเพิ่มอีก 2 คน ซึ่งเป็นคนไทยมากัน 2 คน
พวกเราจึงไปเที่ยวด้วยกัน  โดยกรีนทัวร์จะมีแผนดังนี้
1  Detinkuyu underground city  นครใต้ดิน ไดรินคุยุ
2 Ihlara valley hike  canyon   อิฮ์ลารา แคนยอน
3  Pegion vallay   หุบเขานกพิราบ
4 Onyx jewelry  factory Demonstration  โรงงานทำเครื่องประดับ
5 Goreme Panorama   ชมวิวแบบพาโนรามา



เอเจนซี่ของเราเอง อิอิอิ  ใจดีมากๆๆ

และนี่คือไกด์ของเรา  

ที่แรกที่ไกด์พาไป คือจุดชมวิวแบบพาโนรามาก่อน 

ระหว่างนั้นไกด์ก็บรรยายไปถึงที่มาที่ไปของคัปปาโดเจียซึ่งเราก็อธิบายคร่าวๆไปตั้งแต่ต้นแล้ว


สาวๆของเรานั่งฟังกันอย่างตั้งออกตั้งใจ 



ใครไม่ฟัง ก็ไปถ่ายรูป แหะ แหะ








มีการประลองกำลังด้วย อิอิอิอิ


จากนั้นเราก็ไปกันต่อ ที่นครใต้ดิน ไดรินคุยุ

ไดรินคุยุ Derinkuyu Yeralti Underground city 
คือเมืองใต้ดินที่ถูกค้นพบโดยบังเอิญโดยชาวบ้านตุรกีผู้นึง ภายในพบว่ามีห้องต่างๆมากมายเหมือนเมืองนึงเลยทีเดียว คาดว่าจะถูกสร้างมาตั้งแต่สมัยคริสตกาล ไว้เป็นที่หลบภัยจากการถูกรุกรานจากข้าศึก เช่น คิงรามเสธ จากอียิปต์เป็นต้น ภายในยังพบทางเดินยาวประมาณ 8 กม เชื่อมต่อไปยังนครใต้ดินไคลมักลิ ได้อีกด้วย โดยมีบ่อน้ำบาดาลอยู่ข้างล่างสามารถ ดื่มกินใช้ได้ทั้งปี และยังมีรูระบายมากกว่าพันช่องไว้สำหรับให้อากาศถ่ายเทและหายใจ และทำให้หินสามารถทรงตัวอยู่ได้ ไม่ถล่มเพราะมีอากาศเป็นตัวหล่อเลี้ยง สามารถบรรจุคนได้ถึง 20000 คน มีความลึกมากกว่า 50 เมตร หรืออาจจะมากกว่านั้นเพราะบางส่วนยังสำรวจไม่ถึง แต่ก็เปิดให้เข้าชมได้บางส่วน ภายในทางเดินค่อนข้างแคบและกว้างสลับกันไป เนื่องจากเป็นภูมิปัญญาของคนสมัยก่อน ไว้หลบศัตรูเพราะสมัยนั้นนักรบที่มารุกรานมักมีรูปร่างสุงใหญ่ จึงทำให้ลำบากต่อการเข้าไปโจมตี เพราะทางข้างในสลับซับซ้อนและบางช่วงจะมีประตูหินขนาดใหญ่หนักเหลายร้อยกิโลคอยปิดขวางไว้ด้วย อากาศภายในเย็น การสร้างเมืองใต้ดินแบบนี้ กวางถือว่าสุดยอดมากๆค่ะ เพราะต้องสร้างด้วยมือ ค่อยๆ ขุดเจาะลงไป และมีเพียงเครื่องมือไม่กี่ชิ้นเท่านั้น นี่ยังนึกภาพไม่ออกเลยนะคะว่าเมื่อ 2 พันกว่าปีก่อนนั้น เขาใช้อะไรกันแต่อาจจะด้วยสภาพหินก็ได้ที่มีสภาพเบา เป็นเนื้อหินอ่อนไม่แข็งมากจึงทำให้ขุดเจาะได้ง่าย ห้องนอนก็จะนอนกันแบบง่ายๆ ห้องเล็กๆไม่ใหญ่ถูกขุดเจาะไว้ประมาณพอนอนได้ 3-4 คนต่อห้อง หรือ 1 ครอบครัว เหตุผลที่ไม่มีห้องใหญ่ คาดว่า สมัยก่อนยังไม่มีอุปกรณ์กันหนาวจึงต้องอาศัยรวมกันในห้องแคบๆ เพื่อให้ไออุ่นจากร่างกายออกมารวมกันทำให้อุณหภูมิห้องสูงขึ้นนั่นเอง เพราะตุรกีช่วงหน้าหนาวจะหนาวจัดและมีหิมะตกร่วมด้วยค่ะ

















ใช้เวลากันไปพอสมควร  ข้างนอกหิมะโปรยปรายด้วยแหละ  

ออกมาก่อนกลับ ได้ของฝากเป็นตุ้กตาจากคัปปาโดเจียไปคนละตัว
ตัวละ  5 TL ซึ่งสมาชิกก็ช่วยคุนยายเจ้าของซื้อไปกัน  ขายเสร็จ คุณยายเดินยิ้มกลับบ้านเลย อิอิอิ


ออกจากนครใต้ดิน ก็ได้เวลาอาหารกลางวันแล้วเย้ๆๆ  



เข้าร้านแล้วเลือกจับจองที่นั่ง  



อาหารเขาก็จะมีให้เลือกแบบ  ไก่ แกะ แพะ ปลาไรงี้  น้ำดื่มต้องพกมาเองนะคะ 
หรือจะสั่งก็ได้ แต่เสียเงินเพิ่มเอง อิอิอิอิ

เสริฟจานแรก คือซุป 



ถัดมาตามด้วยข้าว กับ เนื้อสัตว์ตามสั่ง อิอิ  เราสั่งเนื้อ






พี่นิกสั่งปลา  ซึ่งคือปลาเทราต์ คร่าาา  เกร๋ๆๆ  อิอิ  น่ากินๆๆ


อิ่มกันแบบเบาๆ ไปกับมือกลางวัน  เราก็ไปต่อกันที่แคนยอน Ihlara 
ที่นี่มีค่าเข้าซึ่งถูกรวมอยู่ในโปรแกรม กรีนทัวร์แล้ว  เป็นเส้นทางเดินเลาะริมน้ำ
น้ำเย็นเจี๊ยบเลยค่ะ  เราจะเดินชมธรรมชาติกันช่วงสั้นๆ ประมาณ 2-3 กม.  
แต่ถ้าจะเอาแบบทั้งหมดจริงๆ  14 กม. จร้าาาาา  อิอิอิอิ


ผู้ชายคนนี้เป็นอะไรมากไม้ อิอิอิ


เลาะลำธารกันไปเรื่อยๆ  ลำธารไม่ใหญ่ แคบๆ แต่น้ำก็ไหลแรงพอสมควร 
ส่วนนึงคงมาจากหิมะที่ละลายจากบนยอดเขาด้วยค่ะ 



ทิวทัศน์โดยรอบ เป็นภูเขาหิน ที่มองไปแล้วก็จะเห็นได้ว่า ถูกเจาะ ให้เป็นช่อง
เป็นที่อยู่อาศัยในช่วงระหว่างก่อน คริสตกาล  ยิ่งใหญ่จริงๆ











ต้นไม้ใหญ่รูปทรงแปลกตา


สมาชิกก็เดินกันไป




แน่ะ หยอกกันอีกละ  แหะ แหะ 


ออกจากแคนยอน  เราก็จะไปต่อยัง หุบเขานกพิราบ และก็โรงงานเครื่องประดับกันค่ะ 
เพราะวันนี้หลังจากจบทริป พวกเราก็ต้องนั่งรถต่อไป ปามุคคาเลกันในตอนค่ำ
เพื่อให้ไปถึงปามุคคาเลในตอนเช้า



นกพิราบจริงๆ 


ตรงนี้ไกด์ก็จะอธิบายไปเรื่อยๆ  เราก็ฟังมั่งไม่ฟังมั่ง
แปลออกมั่งไม่ออกมั่ง หุบเขาตรงนี้ค่อนข้างกว้างใหญ่อยู่ค่ะ 



ถัดจากนั้นก็พาไปเยี่ยมชมโรงงานทำเครื่องประดับ
โดยไกด์ภูมิใจนำเสนอมากๆ ถึงหินชนิดนึงที่สามารถเปลี่ยนสีได้ไปตามช่วงเวลา
ในแต่ละวัน  ราคาก็นะประมาณนึง ไปดูแล้วก็เปลี่ยนสีได้จริงๆค่ะ  มีทั้งแบบแหวน
สร้อยคอ สร้อยข้อมือ ตุ้มหูกำไล และอื่นๆ อีกสาระพัด มีพลอยชนิดอื่นๆด้วย



หินบางส่วนที่ถูกเจียร จากช่างผู้มากไปด้วยฝีมือ




ซึ่งสมาชิกต่างก็ตั้งใจฟังกันเป็นอย่างดี  ดูแล้วจะได้ติดไม้ติดมือกันไปบ้างอ่ะนะ 
เพราะหินชนิดนี้นอกจากจะสวยงามและราคาแพงแล้ว ชาวตุรกีเชื่อว่าเป็นหินศักดิ์สิทธิ์ 
นำความมงคลมาสู่ผู้สวมใส่





กลับจากโรงงานจิวเวอรรี่  เราก็กลับไปยังโรงแรมเพื่อเก็บกระเป๋าที่ฝากไว้
เพื่อให้รถไปส่งยังจุดขึ้นรถบัสไปปามุคคาเล   เราไม่ได้รถของบริษัทปามุคคาเค
แต่ได้รถบัสของบริษัทอื่นแทน  ราคา  60 TL 

14 เมย 58   ปามุคคาเล

พอไปถึงตัวเมือง Denizli เดนิซลี่
ในตอนเช้ามืดก็จะมีรถพาต่อไปส่งฟรี  แต่พอไปถึง รถมีคันเดียวมารับ 
เป็นรถบัสเล็กประมาณ 20 ที่นั่น
แต่พวกเรามีกัน 13 คน และที่เหลือเป็น จีน เป็นเกาหลี อีกเกือบ 10 คน
คนขับรถจะให้พวกเราอัดกันไปในคราวเดียว แต่เราไม่ยอม ได้ไง 
เราเสียเงินมาแล้วไม่ได้มาขึ้นฟรี เพราะฉะนั้น เราจะไม่ยอมยืน 20 นาทีเป็นเด็ดขาด
คืออารมณ์เสียมาก  จนคนขับรถบอกว่า งั้นให้รอเขาจะหารถมาเพิ่มให้  
สักพักมาบอกว่า ไม่มี ถ้าไม่ไปคันของเขา ก็ไม่มีแล้ว
เราเลยบอกว่างั้นเราจะไปเอง ไม่แคร์ ซึ่งไปเองมันก็มีรถบัสเล็กๆ ไปส่ง
แต่เสียค่าบริการคนละ 2-3 TL  เราก็ยินดีจ่ายไป  ได้รถแล้วเราก็ขึ้นไปแล้วจ่ายเงิน รถก็ไปส่ง
ยังบริษัทรถบัสยี่ห้อที่เรานั่งมา  คือจากคัปปาโดเจียนั้น เขาจะทำงานกันแบบมีระบบ
โดยใช้ระบบตัวแทนหรือเอเจนซี่นั่นเอง  เมื่อเอเจนซี่จากโกเรเม่ คัปปาโดเจีย
หาตั๋วรถให้เรา เป็นบริษัทรถนึง พอไปถึงจุดหมายปลายทางเขาจะพาเราไปส่ง
ยังออฟฟิศของตัวแทนขายตั๋วนั้น  ซึ่งทางออฟฟิศพวกนี้เขาก็จะหาขาย
ทัวร์วันเดียว โรงแรม รถรับส่ง  บอลลูน รถเช่า  และกิจกรรมต่างๆ 
ไว้ขายให้นักท่องเที่ยว  แต่เนื่องจากตอนเช้า คนขับรถทำรถเสียอารมณ์
พอไปถึงเอเจนซี่รีบมาต้อนรับเพื่อหวังจะขายบริการให้เรา
แต่เราบอกเราไม่เอา เราไม่สน เพราะคุณบริการไม่เวิกร์ เราบอกว่าจะย้ายสมาชิก
ของเราทั้งหมดไปยังบริษัทอื่นที่เราเคยใช้บริการ  เอเจนซี่ก็รีบเคลียร์ให้ 
บอกจะคืนค่ารถให้ และจะให้ราคาพิเศษสำหรับทัวร์หรือกิจกรรมต่างๆที่เราสนใจ
เราเลยแกล้ง ทำกระฟัดกระเฟียดนิดหน่อย อิอิอิอิ  เพราะต้องกดดันขอราคาลด
สุดท้ายเขาก็รอเราให้เข้าไปเก็บกระเป๋าก่อน ล้างหน้าล้างตา มีชากาแฟบริการให้
พอเราอารมณ์ดี ทีนี้ก็เริ่มคุยถึงธุรกิจกัน  555555
คุยไปคุยมา เลยได้แพลนดังนี้  คือ
 ทัวร์ 1 วัน ในปามุคคาเล รวมอาหารกลางวัน  ราคาประมาณ 50-70 TL
บอลลูนที่เราไม่ได้ขึ้นที่ัคัปปาโดเจียแต่มาขึ้นที่ปามุคคาเลแทน  ราคา  100  ยูโร  
และสมาชิกบางส่วนเลือก พารามอเตอร์  ในราคา  60 ยูโร   
และรถไปส่งที่ เซลจุ้ก เพราะเราต้องไปนอนที่นั่น 1 คืน
 เพื่อเที่ยวชม เอเฟซุส  คนละ  25 TL ใช้เวลา 4 ชม จากเมืองปามุคคาเล
ทัวร์เอเฟซุส 1 วัน   ราคา คนละ 60-70 ดอลล่าห์ รวมอาหารกลางวันด้วย 
และรวมทั้งรถไปส่งที่ สนามบิน Izmir หลังจากเสร็จจากทัวร์เอเฟซุสด้วย
เบ็ดเสร็จไปเลยค่ะ  คำนวณราคาและเวลาแล้ว คุ้มกว่าไปเอง  แม้ไปเองจะอิสระกว่า
แต่เราก็อาจจะทำเวลาได้ไม่ดีเท่าซื้อบริการ  ราคาก็ต่างกันไม่มากแทบไม่แตกต่าง
จบปิ้งงงง...................

หลังจากเตรียมตัวเสร็จ ทัวร์ปามุคคาเล จะเริ่มที่ 10 โมงเช้า โดยมีรถมารับและไกด์สาว
เธอพาพวกเราไปยังต้นกำเนิดน้ำแร่ กัน จุดนี้จะอยู่ด้านบนสุดของเมือง


หลังจากนั้นก็ไปเริ่มที่เมืองเก่า เฮียราโพลิส กันก่อนเด้วยการเดินเท้าประมาณ 4 กม 


เมืองเฮียราโพลิสแต่เดิมเป็นเมืองที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยโรมันเพื่อไว้ใช้รักษาบำบัดโรค 
เพราะชาวเมืองต่างเชื่อว่า น้ำแร่นั้นมีคุณสมบัติวิเศษช่วยรักษาโรคต่างๆ ได้
จึงมาสร้างเมืองอยู่กัน  แต่หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง ผู้คนจึงค่อยๆ อพยพออกไป
เหลือทิ้งไว้เพียวซากปรักหักพัง  ที่ยังเหลืออยู่เป็นหลักฐานทางสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรม
โดยมากจะเป็นซุ้มโค้งประตู และเสาหินที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์  และยังมีโรงละครใหญ่
ที่ยังคงสภาพอยู่ให้เราได้เห็นกันอยู่จนปัจจุบันนี้ค่ะ 










เดินมาเรื่อยๆ ตรงนี้จะเป็นส่วนของพิพิธภัณฑ์ มีค่าเข้าตะหากจากหน้าประตูอีกคะ






และส่วนนี้จะเป็นสระว่ายน้ำ น้ำแร่ ที่ยังใช้สระโบราณมาทำด้วย 
โดยด้านล้างจะเป็นเสาหินโบราณเดิมๆ ที่ยังไม่ได้เคลื่อนย้าย 
สระนี้มีค่าลงสระด้วยค่ะ 
 โดยราคาก็จะแตกต่างกันออกไปตามช่วงอายุ 
และมีค่าผ้าขนหนู บริการตะหากในกรณีที่เราไม่ได้เตรียมมา


ด้านในก็จะมีร้านค้าเครื่องดื่ม เดินเข้าไปซื้อนั่งเล่น นั่งดูได้  แต่ถ้าลงสระต้องตีตั๋วก่อนจ้าาา


แต่พวกเราเลือกที่จะไปลงฟรีค่ะ ด้านนอก เดินไปอีกหน่อย 
เราปล่อยให้สมาชิกบางส่วนใช้เ้วลากับการแช่ แต่เราขอบายค่ะ
เพราะมันร้อนมากๆๆ  ร้อนแบบแผดเผากันเลยแหละ  
กลัวดำ อ่ะนะ  อิอิอิอิ




หลังจากนั้นก็นัดแนะสมาชิกว่า  ถ้าได้เวลานัดแล้วก็ให้เดินลงไปข้างล่างไปเรื่อยๆ จนถึงประตูล่าง
ที่เห็นไกลๆ สามารถเดินเท้าลงไปได้ค่ะ  แต่ควรจะดูป้ายด้วยนะคะ เพราะบางส่วน
เขาไม่ให้เดิน เนื่องจากกลัวถูกทำลาย เพราะบางส่วนมีความเปราะบางมากๆ  
อาจเกิดอันตรายได้ด้วยค่ะ  และต้องถอดรองเท้าเดินด้วยเท้าเปล่าเท่านั้น
คือภาพที่เราเห็นจากโฆษณา บางช่วงที่ไปก็ไม่เหมือนในภาพนะคะ ทำใจด้วย
เพราะ บางช่วงก็มีน้ำมาก บางช่วงก็มีน้ำน้อยและบางช่วงเขาไม่ให้เข้าด้วย




จากภาพเราต้องเดินลงไปจนสุดตรงนั้นข้างล่างเลยค่ะ  แล้วข้ามไปยังหมู่บ้านที่อยู่ติดกัน 
เพื่อรอรถมารับไปทานกลางวัน และหลังจากนั้นก็จะเป็นคิวของบอลลูน  เย้ๆๆ





ค่อยๆ เดินกันไป







ถึงหมู่บ้านแล้ว หาไรเย็นๆ กินดีกว่า


นั่งรอสมาชิกที่เหลือ  วันนี้แดดแรงมั้กมาก  ผิดกับ คัปปาโดเจียที่แสนจะเย็นสบาย


หลังจากมื้อกลางวันแบบบุฟเฟต์ อาหารสไตล์ตุรกีเช่นเดิม แล้วเราก็แยก 2 กลุ่ม  
กลุ่ม 1 บอลลูน  กลุ่ม 2 พารามอเตอร์  กลุ่ม 1 ไปยังจุดขึ้นบอลลูนรวมทั้งเราด้วย














สูงขนาดนี้ยังเซลฟี่กันได้นะ  ฮี่ๆๆ





ร่อนกันไปมา  คนขับก็หาที่ลงจอดได้อย่างปลอดภัย งี้ก็ต้องฉลองกันหน่อย
เปิดแชมเปญกันเลย ได้ใบประกาศนียบัตรคนละใบด้วย เย้ๆๆ


อ้าวววว  ชน  กร้วบบบบ









แต่ แหม  ตอนเปิด พ่อคุณเล่นเขย่าซะพุ่งไป 3 บ้าน 8 บ้าน 
เหลือครึ่งขวดเองอ้ะ  แหะ แหะ 






และสมาชิกกลุ่มที่ 2  เลือกที่จะไม่ขึ้นบอลลูน. พารามอเตอร์ถือเป็นกีฬาผาดโผนอย่างนึง. มีนักบินคอยประกบบังคับทิศทาง ใช้เวลาบินกันประมาณ 45 นาที เราต่อราคาให้สมาชิกได้ 90 ยูโร เพื่อบินชมความงามและทิวทัศน์รอบๆเมืองปามุคคาเล. ถามไถ่ได้ความว่า สุดยอด มากๆ นี่ถ้าไม่กลัวว่า นักบินจะไม่ยอมประกบด้วยนะ จะลองร่อนสัก 3 รอบ 
ปล. ราคานั้นจะแตกต่างกันไปตามทักษะการต่อรองและจำนวนสมาชิกที่ขึ้นบิน รวมทั้งอาจจะด้วยประสบการณ์นักบินด้วยก็ได้ค่ะ



คนตัวใหญ่เป็น ร้อยโล ก็เล่นได้ค่ะ  น้องคริส 1 ใน ทีมของเราก็ขอเลือก
พารามอเตอร์ด้วย  เจ๋งไปเล้ยยย



ทางนักบิน เขาจะมีบริการถ่ายรูป อัดวิดิโอให้ด้วย  แต่เสียตังค์เพิ่มนะ  อิอิ


น้องบาง สาวไทยในทีมของเราบินมาจากสเปน 
เพื่อร่วมทริปผจญภัยกันเลยจ้าาา


วู้วว  สูงน่าดู  เสียว 











































โอนเงินมัดจำได้ที่ ธนาคารกรุงไทย
นางสาวศกุนตลา พลโยธา 601-074-9484

โอนแล้วแจ้งได้ที่  089-4504973  
หรือหน้าเพจดอกไม้ทะเลทราย
https://www.facebook.com/DxkmiThaleThrayDesertFlower?ref_type=bookmark


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น